| ผู้เขียน | นายอุตสาหะ |
|---|
ผ่านพ้นช่วงเทศกาลสงกรานต์ไม่กี่วัน ข่าวของแกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ทยอยเรียงหน้าบอกถึงการจัดตั้งรัฐบาลด้วยความชอบธรรมเหมือนที่เป็นก่อนหน้านี้ รู้ว่าไม่ใช่พรรคได้ ส.ส.มากสุด แต่ยึดเสียงของประชาชนทั่วทุกภูมิภาคที่กาเลือกมีคะแนนสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งเป็นที่ตั้ง
ทุกวันนี้ แกนนำ พปชร.ก็จะจัดตั้งรัฐบาลให้ได้
ไม่ว่าจะเป็น “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” ประธานยุทธศาสตร์กรุงเทพมหานคร พปชร. ยืนยันตั้งรัฐบาลได้อย่างแน่นอน พร้อมยอมรับตัวเลข 251 เสียงในการตั้งรัฐบาล เป็นตัวเลขสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่น ต่อการขับเคลื่อนประเทศในรัฐสภา
แม้แต่ “ธนกร วังบุญคงชนะ” รองโฆษกพรรคพปชร. พร้อมหนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัย
ล่าสุด “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พปชร. ที่ให้ผู้คนเข้ามารดน้ำดำหัว ก็บอกว่า “การจัดตั้งรัฐบาลไม่ต้องเป็นห่วงและกังวลใจ ผมดูสถานการณ์ล่าสุดแล้วเชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐจะจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างแน่นอน”
ตั้งแต่ก่อนถึงวันเลือกตั้ง 24 มี.ค. แล้ว ที่ตีความเรื่อง“เสียงข้างมาก”แตกต่างกันไป เพราะเริ่มคาดการณ์เพื่อเผื่อบางอย่างต่อสถานการณ์การเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร
ขณะที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ที่ต่อมา ยืนยันถึงส.ส.ในกำมือมีมากเป็นที่ 1 อ้างถึงการปกครองระบอบประชาธิปไตย พรรคที่ได้ฉันทานุมัติให้มีที่นั่งในสภาฯ สูงสุด ต้องได้จัดตั้งรัฐบาลก่อน
หากดูการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ประเทศอินเดีย เป็นต้นแบบอย่างดี ผู้มีสิทธิเลือกตั้งประมาณ 900 ล้านคน จะต้องเลือก 543 ส.ส.เข้า”โลกสภา”หรือสภาผู้แทนฯ ในช่วง 39 วันระหว่างนี้ที่เลือกตั้งรวม 7 ช่วงเวลา เริ่มตั้งแต่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา ไปจบในวันที่ 23 พ.ค.นี้
ระบบการเลือกตั้งของอินเดียเดินตามรัฐธรรมนูญฉบับเดียวมาตลอด
ไม่ว่าจะเป็น “นเรนทรา โมดี” จากพรรคชาตินิยมฮินดู ภารติยะชนะตะ หรือบีเจพี กำลังลุ้นเป็นนายกรัฐมนตรีอินเดียต่ออีก 5 ปี โดยมี “ราหุล คานธี” จากพรรคคองเกรส เป็นพรรคฝ่ายค้านหลัก หากจะได้เสียงข้างมาก ต่างต้องรวมเสียง ส.ส.ให้ได้อย่างน้อย 272 ที่นั่ง
แม้ระบบการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ของไทยจะแตกต่างสุดขั้วจากอินเดียสิ้นเชิง ของไทยเขียนใหม่ให้ทุกคะแนนเสียงมีค่า ไม่มีสูญหาย ไม่มีคะแนนตกนํ้า คนร่างเชื่อว่าจะได้รัฐบาลที่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง แต่หลังเลือกตั้ง 24 มี.ค. จบลง ปัญหากลับมีมากมาย ทั้งสูตรการคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ยังจุกอก กำลังคลำหาทางออก ปัญหาไม่จบลงง่ายๆ ยังมีการดิ้นรนหาอภินิหารจากรัฐธรรมนูญอีกหลายท่า
การเลือกตั้งของอินเดียแยกแยะช่วงเลือกตั้ง 7 ช่วง เท่ากับเลือกตั้ง 7 วัน รวมนับคะแนนจบภายใน 1 วันแล้วประกาศผล อินเดียใช้เวลา 8 วัน เท่านั้น ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ บริหารประเทศกันต่อ
แต่สำหรับไทยเลือกตั้งก่อนอินเดีย ตั้งแต่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา กฎหมายกำหนดว่าจะต้องรับรองผลใน 60 วันหรือภายในวันที่ 9 พ.ค.นี้ แต่เพราะปัญหาไม่รู้จบระลอกแล้วระลอกเล่า ไม่แน่ใจว่าจะลงเอยอย่างไร
ไม่ใช่เพราะยกการเลือกตั้งของอินเดียมาบอกว่าดีกว่า แต่อยากให้เห็นว่า หากยึดโยงประชาชนเป็น“เสียงสวรรค์” เป็นที่ตั้งอย่างแท้จริงแล้ว การเลือกตั้งของไทยที่แท้จริงควรจะออกมาอย่างไร
