ที่มา | วุฒิ สรา |
---|---|
เผยแพร่ |
นิวส์รูมวิเคราะห์ : สเปก ‘ปธ.บอร์ดบินไทย’ คนใหม่ ต้องเป็นมืออาชีพช่วยกู้วิกฤต-อย่าซ้ำเติม
“การบินไทย” ยังไม่พ้นหลุมอากาศ ต้องฝ่าฟันแก้วิกฤตต่อเนื่อง ท่ามกลางมรสุมการแข่งขันในอุตสาหกรรมการบินที่ดุเดือดเลือดพล่าน
หลายสายการบินต้องร่วงกลางอากาศ เก็บฉากปิดจ็อบ และอีกหลายแห่งต้องยกเครื่องขนานใหญ่ เพื่อจะอยู่ในสนามแข่งขันต่อไป
แม้ “การบินไทย” จะเพิ่มกล้ามเนื้อด้วยการหารายได้เพิ่มจากฝ่ายอื่นๆ นอกจากธุรกิจการบิน รวมทั้งรีดไขมันลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ไปแล้ว แต่ก็ยังง่อนแง่นอยู่
แผนฟื้นฟูที่จะพลิกฟื้น “การบินไทย” กลับมาทำกำไร ยังห่างเป้า
ไม่นานมานี้ “การบินไทย” ออกประกาศเรื่อง “มาตรการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพื่อปฏิบัติหน้าที่” เพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย ลดภาระหนี้สินและรักษาสภาพคล่องทางการเงิน โดยให้ทุกฝ่ายปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
1.งดหรือเลื่อนการส่งพนักงานไปอบรม สัมมนา เข้าร่วมประชุมและปฏิบัติงานในต่างประเทศหรือต่างจังหวัด
2.วางแผนเตรียมการในการส่งพนักงานไปอบรม สัมมนา เข้าร่วมประชุมและปฏิบัติงานในต่างประเทศเป็นการล่วงหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการจัดทำวีซ่ากรณีเร่งด่วน
3.จำกัดจำนวนวันและจำนวนพนักงานที่ต้องดินทางเพื่อปฏิบัติหน้าที่ ทั้งในประเทศและต่างประเทศให้เหลือเท่าที่จำเป็นและให้งดหรือลดเบี้ยเลี้ยงเดินทางเหลือ 50%
4.ระดับผู้อำนวยการใหญ่หรือกรรมการผู้จัดการขึ้นไป ขอให้งดรับค่าใช้จ่ายเพิ่มในการเดินทางเพื่อปฏิบัติหน้าที่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
เป็นอีกมาตรการและข้อเสนอที่จะช่วยลดไขมันขององค์กร
นอกจากปัจจัยภายนอก “การบินไทย” ยังต้องเจอปัญหาภายในรุมเร้า ไม่ว่าจะเป็นความขัดแย้งในระดับต่างๆ ทั้งภายในองค์กรเองและอำนาจจากภายนอก
ความขัดแย้งที่เริ่มระอุขึ้นมาตอนนี้ หนีไม่พ้นเรื่องการหาคนมานั่งเก้าอี้ประธานบอร์ดคนใหม่ แทน “เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” อธิบดีกรมสรรพากร ที่ขอลาออกไปเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ บอร์ด “การบินไทย” ที่รอประธานคนใหม่ มีวาระสำคัญต้องดำเนินการตามแผนฟื้นฟูบริษัท
โดยเฉพาะแผนจัดซื้อเครื่องบินฝูงใหม่ 38 ลำ วงเงิน 1.56 แสนล้านบาท ซึ่งก่อนที่ “เอกนิติ” จะลาออกจากประธานนั้น ทางบอร์ดได้มีมติให้ทบทวบใหม่ และให้นำกลับมาเสนอบอร์ดพิจารณาอีกครั้งภายใน 6 เดือน
เหตุที่ต้องทบทวนแผนจัดซื้อฝูงบินใหม่ เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกเปลี่ยนไป จากเดิมที่คาดว่าเศรษฐกิจจีนจะโตต่อเนื่องและเป็นตัวนำเศรษฐกิจโลก แต่หลังเจอมะกันประกาศสงครามการค้า ทำให้เศรษฐกิจจีนไม่ได้ขยายตัวมากอย่างที่คิด ขณะเดียวกันเศรษฐกิจทั่วโลกก็ชะลอตัวลง
เมื่อสมมติฐานเปลี่ยนไป แผนจัดซื้อเครื่องบินใหม่เพื่อรองรับประเทศหรือภูมิภาคที่เศรษฐกิจเติบโตก็ต้องเปลี่ยนไป จึงต้องทบทวนการซื้อฝูงบินใหม่ให้เหมาะสมและคุ้มค่ามากที่สุด
ดังนั้น ต้องเร่งแต่งตั้งประธานบอร์ดคนใหม่ เพื่อมาร่วมพิจารณาเรื่องนี้ และเรื่องอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม แม้การแต่งตั้งประธานบอร์ดจะเป็นอำนาจของบอร์ดแต่ละคน แต่ผู้มีอำนาจตัวจริงอยู่ที่กระทรวงการคลัง ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ กับกระทรวงคมนาคม ในฐานะที่ “การบินไทย” เป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัด
จึงคาดเดากันว่าแคนดิเดตประธานบอร์ดคนใหม่ คือ “จักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล” ที่ถูกพิษโครงการบ้านประชารัฐ ซอยพหลโยธิน 11 พ้นจากอธิบดีกรมธนารักษ์ไปเป็นรองปลัดกะทรวงการคลัง กับ “ชัยวัฒน์ ทองคำคูณ” ปลัดกระทรวงคมนาคม
แต่สถานการณ์อุตสาหกรรมการบินที่แข่งขันกันรุนแรงในขณะนี้ การนำข้าราชการประจำมาคุมบังเหียนองค์กรขนาดใหญ่อย่าง “การบินไทย” และยังตกอยู่ในภาวะวิกฤตนั้นไม่น่าจะเอาอยู่
ด้วยประสบการณ์ มุมมองและแนวคิดของข้าราชการประจำ คงไม่ทันเกมกลยุทธธุรกิจการบินที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน
อีกทั้ง ไม่มีเวลาทุ่มเทให้กับงาน “การบินไทย” อย่างเต็มที่มากนัก ที่สำคัญมักจะมีเงาของนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง
ดังนั้นในวิกฤตการณ์ของ “การบินไทย” ในขณะนี้ จำเป็นอย่างยิ่งที่ประธานบอร์ดต้องมืออาชีพ มีวิสัยทัศน์ และมีเวลาทุ่มเทให้กับงานอย่างเต็มที่
เพื่อมาพลิกฟื้น “การบินไทย” ให้พ้นวิกฤต มิใช่มาซ้ำเติมให้ทรุดหนักกว่าเดิม