รัฐบาล ‘อย่าย่ามใจ’ ระวัง ‘ไฟไหม้ฟาง’

ถึงแม้ว่าหากวัดกันด้วยจำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนจะเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 22 พฤษภาคม ไม่ถือว่ามีผู้เข้าร่วมมากมายอะไรนัก หากเทียบกับในช่วงการชุมนุมในช่วงรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง

แต่ต้องถือว่าเป็นความตื่นตัวทางการเมืองที่ชัดเจน ประชาชนทั่วไปสามารถแสดงออกทางการเมืองได้มากที่สุด เมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมาของรัฐบาล คสช.

ครั้งนี้มีแนวร่วมออกมาแสดงจุดยืนต้องการให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วมากขึ้น แม้ว่าข้อเรียกร้องของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ต้องการให้รัฐบาลจัดการเลือกตั้งภายในเดือนพฤศจิกายน 2560 ตามที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ก่อนจะขยับออกไปเป็นเดือนกุมภาพันธ์ 2561 จะเป็นไปได้ยากก็ตาม เพราะจนถึงวันนี้กฎหมายลูกที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ยังไม่เสร็จสิ้นตามกระบวนการ

แต่การออกมาชุมนุมร่วมกับกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เป็นการสะท้อนภาพของความไม่พอใจรัฐบาลชัดเจนมากขึ้น เป็นการสะท้อนความอึดอัดท่ามกลางการถูกกดเอาไว้ ไม่ให้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ทั้งที่เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน

Advertisement

รัฐบาลอาจมองว่าการชุมนุมครั้งนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ มีการจับกุมแกนนำไปดำเนินคดี

แต่หากมองเช่นนั้น แสดงว่ารัฐบาลกำลังประมาท ถือว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และยังมีท่าทีไม่ยินดียินร้ายกับกลุ่มผู้ชุมนุม จนถึงขั้นใช้วิธีตอบโต้กลุ่มผู้เห็นต่างด้วยวิธีแข็งกร้าวดุดัน จับกุมขังคุกแกนนำ อาจจะคิดว่าทำให้กลุ่มผู้ออกมาเคลื่อนไหวกลัวเกรง ต้องหยุดการกระทำดังกล่าว

คงต้องบอกว่ารัฐบาลคิดผิด

Advertisement

วิธีคิดแบบนี้จะยิ่งทำให้สถานการณ์ของรัฐบาลถูกต้อนเข้ามุมเร็วขึ้นเรื่อยๆ เพราะจะกลายเป็นการสะท้อนภาพความเป็นรัฐบาลเผด็จการ ใช้อำนาจรุนแรงกับประชาชนที่ออกมาเรียกร้องสิทธิ

ในวันนี้จุดเป็นจุดตายของรัฐบาล คงหนีไม่พ้นเรื่องปากเรื่องท้อง ความเป็นอยู่ของประชาชน ภาวะเศรษฐกิจที่ทางรัฐบาลออกมาประกาศปาวๆว่าเศรษฐกิจกำลังดี ตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือจีดีพี ขยายตัว 4.8% ตัวเลขการส่งออกในเดือนเมษายนเติบโต 12.3% แต่ความจริงแล้วสาเหตุเป็นเพราะนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ไม่ใช่เพราะฝีมือของรัฐบาลเสกให้เศรษฐกิจดี แต่ดีเพราะบรรยากาศเศรษฐกิจโลกดีขึ้น

ถ้าไปถามประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศว่าเศรษฐกิจดีจริงหรือ รายได้เพียงพอกับรายจ่ายหรือไม่ หนี้สินที่มีอยู่บรรเทาเบาบางลงหรือไม่ การค้าการขายคล่องแคล่วขึ้นหรือไม่ เชื่อว่าทุกคนคงรู้คำตอบที่แท้จริงดีอยู่แล้ว

ปัญหาที่เกิดขึ้นในวันนี้ และกำลังจะลุกลามบานปลาย รอวันปะทุแตกหัก เกิดจากความไม่ชัดเจนของรัฐบาลว่าตกลงจะกำหนดวันเลือกตั้งวันไหนกันแน่ จะปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้เมื่อไหร่ เกิดจากท่าทียึกยัก ราวกับหวงแหนอำนาจของรัฐบาล

ที่ผ่านมารัฐบาลไม่เคยประกาศให้ชัด มีเพียงออกมาพูดอ้อมแอ้มว่าจะประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2561 และจนถึงขณะนี้เชื่อว่าคนจำนวนมากก็ยังไม่เชื่อ 100% ว่าจะมีเลือกตั้งจริง และก่อนหน้านั้นก็ขยับกำหนดการเลือกตั้งมาแล้ว ทำให้เป็นการบั่นทอนความน่าเชื่อถือของรัฐบาลเองเรื่อยมา

ดังนั้นนับจากนี้รัฐบาลควรจะแสดงความชัดเจน ประกาศปลดล็อก กำหนดการเลือกตั้งให้ชัด เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับมา ก่อนสถานการณ์จะเลวร้ายไปกว่านี้ เพราะอาจถึงขั้นประวัติศศาสตร์ความรุนแรงในอดีตอาจหวนคืนกลับมาอีกครั้งได้ไม่ยาก หากประชาชนเอือมระอากับรัฐบาลเต็มที

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนับจากนี้ จึงอาจกลายเป็น”ไฟไหม้ฟาง” เพียงแค่จุดเริ่มต้นเล็กๆ อาจกลายเป็นไฟไหม้โหมรุนแรงขึ้น เพราะอย่าลืมว่าที่มาของรัฐบาลนี้มาจากการยึดอำนาจประชาชน มีเชื้อไฟที่จุดติดได้ไม่ยากอยู่แล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image