ยินดี – ปรพล อดิเรกสาร ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์รองประธานสภาผู้เเทนราษฎร คนที่หนึ่ง เเสดงความยินดีกับ อนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาทเเละเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ เเต่งตั้งให้ ดำรงตำเเหน่งเป็น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ณ ตึกบัญชาการ ทำเนียบรัฐบาล
มอบทุน – สมาคมนิสิตเก่าวิศวกรรมศาสตร์ มก. มอบทุน 2.6 ล้าน ตามโครงการดงตาลปันน้ำใจ สู้ภัยโควิด-19 ให้นิสิตคณะวิศวะ มก. ทั้ง 3 วิทยาเขต และวิทยาลัยการชลประทาน ในงานสถาปนาคณะวิศวะ มก. ครบรอบ 82 ปี ที่จัดขึ้น เมื่อเร็วๆ นี้
เครือข่ายร่วมมือ – สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ หรือ ก.พ.ร. ร่วมกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชน ศึกษาโมเดลการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการจัดสภาพแวดล้อมที่ดีในโรงเรียน ส่งเสริมการพัฒนาภาครัฐระบบเปิด โดยเปิดช่องทางรับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากประชาชนผ่านเว็บไซต์ www.opengovenment.go.th และเฟซบุ๊ก Opengovthailand เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการทำงานร่วมกับภาครัฐ พัฒนาการทำงานให้มีประสิทธิภาพ
มหกรรมการเงิน – บมจ.กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ได้รับเกียรติจาก สุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี สันติ วิริยะรังสฤษฎ์ ประธานจัดงาน และอภินันท์ เผือกผ่อง รองผู้ว่าฯนครราชสีมา ร่วมเปิดบูธ กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ในงานมหกรรมการเงิน โคราช ครั้งที่ 14 โดยมี พรศักดิ์ สุวรรณทรรภ และทีมผู้บริหารฝ่ายตัวแทน ให้การต้อนรับ บริเวณบูธ กรุงไทย-แอกซ่า ประกันชีวิต ณ เอ็มซีซี ฮอลล์ เดอะมอลล์ โคราช เมื่อเร็วๆ นี้
ลงนาม – พิธีการลงนามความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒกับสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โดย รศ.สมชาย สันติวัฒนกุล อธิการบดี ม.ศรีนครินทรวิโรฒ และสมบัติ คุรุพันธ์ นายกสมาคมศิษย์เก่า ม.ศรีนครินทรวิโรฒ เป็นผู้ลงนามในความร่วมมือ ณ ห้องประชุม ม.ศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร เมื่อเร็วๆ นี้
ดูงาน – กรมทรัพยากรธรณี จัดกิจกรรมสื่อมวลชนสัญจร ณ อุทยานธรณีเพชรบูรณ์ และอุทยานธรณีขอนแก่น ศึกษาแหล่งธรณีวิทยาและซากดึกดำบรรพ์ที่สำคัญและโดดเด่น โดยมี มนตรี เหลืองอิงคะสุต รองอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี พร้อมด้วย ชัญนา คำชา นักธรณีวิทยาชำนาญการพิเศษ สำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 1 และประดิษฐ์ นูเล นักธรณีวิทยาชำนาญการพิเศษ สำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 2 ร่วมเป็นวิทยากรบรรยายในพื้นที่ เมื่อเร็วๆ นี้
โครงการใหม่ – วีรภัทร์ พันธุ์หาญ ผอ.เขตบางกะปิ เป็นประธานเปิดสำนักงานขายโครงการ เดอะ ลิฟวิ่น รามคำแหง พร้อมจัดงาน VIP DAY โดยมี วอลเต้อร์ หลง ผอ.โครงการ เดอะ ลิฟวิ่น รามคำแหง ต้อนรับ พร้อมด้วย กฤติกา สุรัชนิติ, กันตภณ ชูสำโรง, รชฏ วรรณกนก, วิศว์ธนัทม์ ภิรัชบุรี และ แสงเพ็ญ วิวัฒน์พนชาติ ร่วมงาน ณ สำนักงานขายโครงการ เมื่อเร็วๆ นี้
…มีความรู้ และความคิดมากมายที่แพร่หลายอยู่ในโลกออนไลน์ ที่จะทำให้เข้าใจอารมณ์ความรู้สึก เยาวชนของชาติ ว่าเรื่องที่ออกมาเรียกร้องทั้งหลายแหล่นั้น เกิดจาก ความสิ้นหวังต่ออนาคต พวกเขาเหล่านี้เติบโตมาท่ามกลางความขัดแย้งรุนแรงในสังคม ภาพของ การสังหารประชาชน บนถนน ในวัด การใช้มวลชน ปิดถนน-ปิดทำเนียบรัฐบาล-ปิดสนามบิน เกิดการ เผาสถานที่ราชการ การ ยึดอำนาจ โดยกองทัพ ที่ให้เหตุผลว่า เพื่อรักษาความสงบ มีคำตอบมากมายแท้ที่จริงแล้วคืออะไร อยู่ในโลกออนไลน์ และคำตอบเหล่านั้น คือ เนื้อหา ที่พวกเขานำมาปราศรัยบนเวที ประชาชนปลดแอก ในวันนี้ เป็นเนื้อหาที่ ครูในโรงเรียน ไม่เคยรับรู้
…ใน ความรู้ ความคิด ของ คนรุ่นลูก รุ่นหลาน ที่ตื่นตัวเรียนรู้ ด้วยการหา
คำตอบให้ตัวเอง ว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศ ทำไม อนาคตที่รออยู่ข้างหน้าจึงสัมผัสได้แต่ความสิ้นหวัง เกิดคำถามว่า ผู้หลักผู้ใหญ่ทำอะไรให้ประเทศต้องเผชิญชะตากรรมเช่นนี้ แต่ในวันที่ คำตอบเต็มอยู่ในหัว ความเคลื่อนไหว ไม่ทน กลับถูกตีความจาก ผู้ใหญ่ ระดับ ส.ส.พรรคแกนนำรัฐบาล สายันต์ ยุติธรรม ที่มีความคิดว่า เด็กมัธยม ทำได้แค่ไถนาอยู่กับควาย แบบนี้ ไม่ว่าจะใช้อวัยวะส่วนไหนคิด
หาก ไม่ถูกอคติครอบงำเสียจนสมองมืด ย่อมนึกออกได้ว่า ในความคิดของเด็ก ผู้ใหญ่แบบนี้ควรจะไหว้ด้วยอวัยวะไหน
…ที่น่าสนใจยิ่งคือ สภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ กินยากล่อมประสาท แล้วยัง นอนไม่หลับทั้งคืน ในวันที่ คลื่นประชาชนคนรุ่นใหม่ ท่วมท้นอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กู่ตะโกน เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ วันรุ่งขึ้น
เกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยมีให้เห็นในแผ่นดินนี้ นักเรียนมัธยมทั่วประเทศ พร้อมใจกัน ชูสามนิ้วหน้าเสาธง ช่วงยืนตรงเคารพธงชาติ แต่ นายกรัฐมนตรี บอกว่าเกิดจาก เพื่อนกดดัน (บูลลี่) อาจจะดีตรงที่ได้ปลอบใจตัวเองว่า เด็กไม่เกลียดชังไปทั้งหมด แต่หากมีสติรู้คิดสักหน่อยจะรู้ว่า วาทกรรมที่นำความรู้สึกตัวเองมาไว้ในคอมฟอร์ทโซน นั้น แม้เฉพาะหน้าจะ อบอุ่น แต่เป็นการกระตุ้นให้ พลังเย้ยหยัน ลุกโชน และ ลามทุ่ง
…เด็กวัยนี้เติบโตมากับ การปฏิรูปการศึกษา ที่สับสน อลเวง เกิดขึ้นใน พ.ศ.ที่ชูคำขวัญ Child center-เด็กเป็นศูนย์กลาง แล้วเติบโตมาในยุค ปลูกฝังคุณธรรม 12 ประการของ คสช. พร้อมๆ กับการอัด วาทกรรมคนดี ผ่านรายการ คืนความสุข
โดย หัวหน้าคณะปฏิวัติ ผ่านสื่อรวมการเฉพาะกิจมายาวนานต่อเนื่อง หล่อหลอมด้วย การเข้มงวดวินัยในโรงเรียน ที่ควบคุม เสื้อผ้า หน้า ผม ของเด็กอย่างเข้มข้น พร้อมๆ กับการปล่อยให้ ระบบโซตัส ครอบเด็กไว้ในการข่มขู่ของรุ่น โดย
ผู้มีอำนาจทั้งหลาย ไม่ฉุกคิดเลยว่า ชีวิตนั้นมีเสรีเป็นธรรมชาติ การกดดันแบบนั้นย่อมสร้าง ปฏิกิริยาต้าน และเมื่อเวลามาถึง การทลายทำนบย่อมเกิดขึ้น นั่นคือวันนี้ ที่ ทุกอย่างดูจะสายเกินไป
…กระทั่งนาทีนี้ ผู้นำประเทศ ยังเลือกที่จะ ชี้หน้าให้เพื่อนของพวกเขาเป็นคนผิด ฐาน บูลลี่ ให้เกิดการแสดงออก นั่นหมายถึงความไม่เคยเข้าใจธรรมชาติของ วัยรุ่น ว่า เพื่อนสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด คนในวันนี้ คนที่เขา ตายแทนได้คือเพื่อน การมองด้วยทัศนคติแบบไม่เข้าใจธรรมชาติมนุษย์ ยิ่งทำให้ ยุ่งยาก ในการแก้ไขเข้าไปอีก
…โรงเรียนยิ่งไปใหญ่ ผู้บริหาร ครูบาอาจารย์ ที่เติบโตและบ่มเพาะกันมาด้วย อำนาจนิยม เมื่อเด็กแสดงออกในทาง ไม่ถูกใจ การแก้ให้ได้ดังใจ ไม่มีความคิดอื่นอยู่ในสมอง เอาแต่ ใช้อำนาจกดข่ม ขู่ให้ต้องทำอย่างใจ ออกอาวุธสารพัด ทั้ง ตัดคะแนน จะไล่ออก ทำโทษ โดยลืมไปว่านั่่นเป็นการทำให้ โรงเรียนกลายเป็นที่คุมขัง สร้างความรู้สึกอยากหลบหนีให้เกิดขึ้น หากตั้งสติสักนิด เปิดทางให้ปัญญามีบทบาทสักหน่อย จะรู้ว่า ทำให้โรงเรียนเป็นสถานที่เข้าใจเด็ก น่าจะถูกทางมากกว่าการทำให้ โรงเรียนเป็นสถานดัดสันดาน
…เมื่อ ผู้บริหาร ครูบาอาจารย์ แสดงออกด้วยการ ถ่ายรูปนักเรียน พร้อมขู่ว่าจะเป็น หลักฐาน ให้ ฝ่ายความมั่นคง ยิ่งทำให้ โรงเรียนกลายเป็นสถานที่ไม่ปลอดภัย มี ครูบาอาจารย์ เป็น พวกที่ต้องหวาดระแวงว่าจะทำอันตรายต่ออนาคต ลองนึกดูว่าเป็นการกดดันให้ พ่อแม่ ผู้ปกครอง แสดงออกแบบไหน จะมี คนเป็นพ่อเป็นแม่สักกี่คน ที่เข้าข้างครูมากกว่า ปกป้องลูก
ชโลทร