เปิดงาน – พิชัย จิราธิวัฒน์ วัลยา จิราธิวัฒน์ และสุทธิภัค จิราธิวัฒน์ ต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งมาเป็นประธานเปิด งาน Hug Thais Hug Phuket, Central Phuket Hotel Fair เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ตามนโยบายภาครัฐ โดยมี ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ กฤษณะ วจีไกรลาศ กลินท์ สารสิน สนั่น อังอุบลกุล ธนูศักดิ์ พึ่งเดช ร่วมงาน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต เมื่อเร็วๆ นี้
คัดกรองเชิงรุก – ศูนย์การค้าเอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ นำโดย สาธิต สายศร รอง กก.ผอ.สายปฏิบัติการ พร้อมด้วย วิศาล สิปิยารักษ์ รอง กก.ผอ.สายบริหารพื้นที่เช่าและผู้เช่าสัมพันธ์, ศตกมล วรกุล ผอ.ฝ่ายสื่อสารองค์กร และอรวรรณ จึงประเสริฐศรี ผอ.ฝ่ายบริการ บมจ.เอ็ม บี เค ต้อนรับ นายประจวบ น้อยอามาตย์ หัวหน้าฝ่ายสิ่งแวดล้อมและสุขาภิบาล สำนักงานเขตปทุมวัน พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการให้บริการตรวจคัดกรองหาผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ณ บริเวณลานเอ็ม บี เค อเวนิว ศูนย์การค้า เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์ เมื่อเร็วๆ นี้
กำลังใจ – นันทา หงวนตัด รักษาการ ผอ.สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา หรือ สมศ. พร้อมด้วยคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ จัดกิจกรรม มีแล้วแบ่งปัน โดยมอบหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ และอาหารแห้งให้กับบุคลากรทางการแพทย์ของ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และ รพ.มงกุฎวัฒนะ ณ รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ปทุมธานี เมื่อเร็วๆ นี้
บริจาคเงิน – ยองใย เกษมศรี ณ อยุธยา ประธานก่อตั้งชมรมทำดีเพื่อแผ่นดิน และว่าที่ร้อยตรี นิวัติ อิศรางกูร ณ อยุธยา กรรมการบริหารชมรมทำดีเพื่อแผ่นดิน นำเงินไปบริจาคให้มูลนิธิชัยพัฒนา เพื่อนำไปซื้อชุด PPE แจกจ่ายแก่พี่น้องชาวไทยที่เดือดร้อนจากวิกฤตไวรัสโควิด-19 ณ มูลนิธิชัยพัฒนา กรุงเทพมหานคร เมื่อเร็วๆ นี้
ช่วยแรงงาน – ภานุ แย้มศรี ผู้ว่าฯพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานรับมอบอาหารและเครื่องดื่ม จากคณะผู้บริหารห้างเซ็นทรัล โรบินสัน และเซ็นทรัลพัฒนา นำโดย รุจิเรศ นีรปัทมะ, ณัฐกานต์ อนุวัฒน์ และมนธวัช นิ่มสาย โดยมี ชัยวัฒน์ อางคาสัย, รัตนา ทองกลับ และบดินทร์ เกษมศานติ์ ร่วมรับมอบ ณ ศาลาว่ากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อเร็วๆ นี้
ลงนาม – ภคมน ศิลานุภาพ ที่ปรึกษาด้านประสิทธิภาพสำนักงานประกันสังคม เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการแอพพลิเคชั่นระบบส่งเสริมสุขภาพ KnowQ ระหว่าง พรเลิศ เตชะรัตโนภาส ปธ.จนท.บห. บจก.สมาร์ท เมดเทค ร่วมกับ มนัส ทานะมัย ผู้ตรวจการกรมปฏิบัติราชการแทนเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม และสถานพยาบาลในเครือข่ายสำนักงานประกันสังคม ณ ห้องประชุมสมเกียรติ ฉายะศรีวงศ์ ชั้น 4 อาคารอเนกประสงค์ สำนักงานประกันสังคม ถนนติวานนท์ เมื่อเร็วๆ นี้
…วิ่งตามโควิดไม่ค่อยทัน หาวัคซีนก็ไม่ค่อยเจอ ทำเอาบรรดา กองเชียร์-กองอวย เอาใจออกห่างไปตามๆ กัน ขนาดตัวนายกฯเอง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังต้องกักตัวเอง ซุ่มอยู่ที่บ้านพัก หลังจากไปเซลฟี่ใกลชิดกับ วีรศักดิ์ พิษณุวงศ์ ประธานหอค้าสุรินทร์ ในงานภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ แต่ในเมื่อระบบอำนาจยังเป็นอย่างนี้ ก็ต้อง กัดฟัน เดินหน้ากันต่อไปแบบเหนื่อยด้วยกันทุกฝ่าย ส่วนประชาชนที่สุดปลายห่วงโซ่นั้นไม่ต้องห่วง เหนื่อยกว่าใครๆ อยู่แล้ว
…ยังดีที่วันอังคารที่ผ่านมา หมออุดม คชินทร รองประธานคณะที่ปรึกษา ศบค. ออกมาแถลงว่า จะเสนอใช้ ไฟเซอร์ ที่สหรัฐ บริจาคมา 1.5 ล้านโดส
ถึงไทยเดือนนี้ หรือ แอสตร้าเซนเนก้า มาเป็น เข็ม 3 หรือ Booster Dose ฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ให้บรรดา ด่านหน้า ได้แก่ บุคลากรการแพทย์ทั้ง 7 แสนคน ถือว่า ผ่อนคลาย หรือช่วยถอดสลักระเบิดได้หลังจากฝุ่นตลบมาระยะหนึ่ง
…ย้อนกลับไปวันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม มีเอกสารบันทึกการประชุมเผยแพร่ในระบบออนไลน์ ระบุว่า จะเอาไฟเซอร์มาฉีดเป็น เข็ม 3 ให้บุคลากรการแพทย์ไม่ได้ เพราะจะเท่ากับยอมรับว่า ซิโนแวคที่ฉีดไปก่อนหน้านั้นไม่ได้ผล..! ทำเอา ไฟลุกท่วม วงการสาธารณสุข อะไร จะเอาสุขภาพอนามัยของหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ ไปเล่น การเมือง กันขนาดนั้นเลยหรือ จนสุดท้าย บรรดาผู้บริหารกระทรวงต้องรีบดับไฟ ปฏิเสธว่าไม่ใช่เอกสารจริง
…หมออุดม ยังระบุว่ารัฐบาลจะใช้ ไฟเซอร์ ของสหรัฐ เป็น วัคซีนหลัก สำหรับช่วงที่เชื้อโควิดกำลังกลายพันธุ์เป็นว่าเล่น โดยจะซื้อ 20 ล้านโดส มาฉีดให้ประชาชนฟรีๆ ในเดือนตุลาคมนี้ ข่าวนี้เรียกเสียงเฮให้ประชาชน หลังจากแห่ไปจอง โมเดอร์นา ที่ รพ.รามาฯ เปิดให้จองแล้วเกลี้ยงฉาดภายใน 3 นาที ก็ต้องขอให้เป็น เรื่องจริง เท่ากับว่า ผู้บริหารสถานการณ์ เริ่มรับฟัง เสียง จากแวดวงแพทย์ ที่เรียกร้องวัคซีน mRNA ที่รับมือกับเชื้อโควิดพันธุ์ใหม่ๆ ได้
…โรงงานผลิตเม็ดโฟม-พลาสติก หมิงตี้ เคมีคอล ระเบิดตอนเช้ามืด วันจันทร์ กรกฎาคม แล้วไหม้ข้ามวัน กว่าจะควบคุมได้ก็กลางดึก ด้วยอุปกรณ์ เครื่องมือ จาก ปตท. ที่ยื่นมือเข้ามาช่วย โดยลำเลียงมาจาก ระยอง แต่ก็ยัง ปะทุ ควันโขมงเป็นระยะ เพราะสารเคมีที่เป็นเชื้อเพลิงยังเหลืออยู่อีกจำนวนมาก เหตุเกิดที่ ย่านซอยกิ่งแก้ว ราชาเทวะ อ.บางพลี สมุทรปราการ ประชาชนต้องอพยพไปหาที่พักใหม่ เพื่อหนีควันพิษ อลหม่านไปหมด เป็นอีกฉากชีวิตของประเทศไทยในปี 2564
…รอบๆ ศูนย์กลางระเบิด มี แคมป์คนงานก่อสร้าง ตามมาตรการควบคุมโควิด หลายแห่ง ตั้งแต่ซอยกิ่งแก้ว 20, 35, 35/7 และลาดกระบัง 20/3 แต่ที่แปลกประหลาด คือ ไม่มีการอพยพคนงาน ทั้งที่จุดเกิดเหตุไม่ไกลจากแคมป์ เพราะฝ่ายความมั่นคงไม่ยอมให้ย้าย แม้ฝ่ายปกครองพยายามไปเจรจา ทำให้คนงานในแคมป์บางส่วน แหกแคมป์หนีเอาตัวรอดออกมา ไม่รู้ว่ามีเชื้อแพร่กระจายไปอีกเท่าไหร่ เรื่องนี้เป็น การบ้าน ที่ทุกฝ่ายต้องหาข้อสรุป โดยต้องใช้หลักมนุษยธรรมนำหน้า ก็คงจะวิธีคิดแบบนี้มั้ง ถึงได้ถูกลดชั้นมาอยู่ เทียร์ 2 วอตช์ลิสต์ ของ TIP Report ของสหรัฐ
กาแฟป่า