แสงแรกแห่งสยาม – พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นประธานเปิดงานเทศกาลแสง สี เสียง จากแสงแรกแห่งสยาม สู่พิพิธภัณฑ์การไฟฟ้าไทย พร้อมด้วย สมคิด จันทมฤก รองปลัดกระทรวงมหาดไทย, ชยาวุธ จันทร ประธานกรรมการการไฟฟ้านครหลวง, วิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง, เขมพล อุ้ยตยะกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมเปิดงาน ณ อาคารพิพิธภัณฑ์การไฟฟ้าไทย การไฟฟ้านครหลวง เขตวัดเลียบ เมื่อเร็วๆ นี้
สวัสดีปีใหม่ – ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย พานักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทย นำโดย น้องเทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จอมเตะสาวเบอร์ 1 ของโลก เข้าสวัสดีปีใหม่และเยี่ยมเยียนสื่อในเครือ มติชน โดยมี จรัญ พงษ์จีน ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการมติชน ให้การต้อนรับ ที่สำนักพิมพ์มติชน เมื่อเร็วๆ นี้
ชุมชนอุดมปัญญา – หนังสือและนิตยสารในโครงการชุมชนอุดมปัญญา ที่เครือมติชนจัดขึ้น ได้ส่งถึงบ้านหนังสือชุมชนบ้านโคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดยโครงการดังกล่าวตั้งขึ้นเพื่อระดมทุนจัดซื้อหนังสือและนิตยสารส่งให้ชุมชน โดยหวังปลุกการอ่านให้เกิดขึ้นในท้องถิ่น และหวังเป็นส่วนหนึ่งให้ชุมชนเข้มแข็งจากการอ่าน เมื่อเร็วๆ นี้
มอบรถยนต์ – ศุภชัย เอกอุ่น ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ส่งมอบรถยนต์ปฏิบัติการ ระบบไฟฟ้า ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ทั้ง 12 เขตทั่วประเทศ จำนวน 76 คัน เพื่อนำไปให้ บริการแก้กระแสไฟฟ้าขัดข้องกับประชาชน บริเวณหน้าตึก 3 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็วๆ นี้
ขอบคุณ – กรรณภว์ ธนภรรคภวิน ส.ว., พล.ท.ธัชพล เปี่ยมวุฒิ, พล.ท.ชิษณุพงศ์ รอดศิริ, พล.ร.ต.ทรงศักดิ์ จุมปามัญ, วรวัฒน์ ทิพยศิริ และชญาน์นันท์ ติยะตระการชัย ขอขอบคุณ หาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย พร้อมแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในโครงการขจัดความยากจนของจีน
จัดสรรงบ – คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการกองทุนส่งเสริมวัฒนธรรม เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการเรื่องการจัดสรรงบประมาณด้านวัฒนธรรมจากกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม ประจำปีงบประมาณ 2566 โดยมี โกวิท ผกามาศ, เบญจวรรณ สร่างนิทร, ประวิตร นิลสุวรรณากุล และพิมพ์รวี วัฒนวรางกูร ร่วมประชุม ณ ห้องบุญเจิม-ใบตอง กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม เมื่อเร็วๆ นี้
⦁…เวลาเคลื่อนสู่ “สิ้นปีเก่า เข้าปีใหม่” การเมืองเดินหน้า “เลือกตั้ง” การหาเสียงเริ่มเข้มข้นขึ้น ซึ่งเป็นธรรมดาอยู่เอง “รูปแบบการแข่งขัน” จะดำเนินไปใน 2 ระบบ หนึ่ง “อวดโอ่ความเก่งกาจสามารถของตัวเอง” และสอง “ชี้ให้เห็นความเลวร้ายของคู่ต่อสู้” เมื่อเที่ยวนี้ ทั้ง “3 ป.” ลงสนามในสถานะที่ต่างกับครั้งที่แล้ว จาก “ผู้ที่อ้างว่าประชาชนเรียกร้องให้เข้ามาสร้างความสงบ” สู่ “นักการเมืองเต็มตัว” ในนามของ “ผู้สืบทอดอำนาจในกติกาที่ได้เปรียบ” ซึ่งในสนามที่ทุกคนปรารถนาชัยชนะ “ฝ่ายที่เสียเปรีบบ” ต้องหาทางถล่มไม่ยั้ง “ที่ไม่เคยโดนจะโดนหนักรอบนี้”
⦁…ฮือฮา ระดับเป็นกระแสความสนใจหลักทางการเมือง เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เปิดตัวชัดเจนว่าจะ “สืบอำนาจต่อ” ในเสื้อ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ในกติกาช่วงชิง “ศรัทธาประชาชน” ทว่ากระแสดังกล่าวกับสะท้อนความประหลาดยิ่งของ “ประชาธิปไตยไทย” เพราะ “กองเชียร์” หวังให้ได้ ส.ส.แค่ 20-50 เสียง ด้วยความเชื่อว่าพอจะส่งขึ้นเป็น “นายกรัฐมนตรี” ได้ คำถามกติกาที่สร้าง “ระบบไม่ต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชนส่วนใหญ่” นักการเมืองที่ให้การสนับสนุน จะตอบประชาชนเรื่อง “สำนึกประชาธิปไตย” อย่างไร
⦁…ภารกิจหลักในโศกนาฏกรรม “เรือหลวงสุโขทัยอับปาง” แทนที่จะค้นหาสาเหตุที่แท้จริงว่า “เรือรบสมรรถนะสูงระดับนี้” จมง่ายๆ ได้อย่างไรใน “ทะเลปิดอย่างอ่าวไทย” แล้วทำไม “ระบบความช่วยเหลือ” จึงตกอยู่ในสภาพแทบไม่มีอยู่เลย กลับฟูมฟายกันด้วยการ “สร้างดราม่า” ให้พวกจิตอ่อนทั้งหลายออกมาเกรี้ยวกราดกับ “คนที่มีความสนใจอยู่ในมุมมองการแก้ไขปัญหาที่แท้จริง” จนเรื่องนี้กลายเป็นคำตอบสำหรับหลายๆ คน โดยเฉพาะ “เด็กรุ่นใหม่” ว่า “ทำไมจึงเห็นประเทศอยู่ในยุคสิ้นหวัง”
⦁…หลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ “ความเป็นไปของกองทัพ” ในช่วงปีที่ผ่านมา และปรากฏการณ์ของกระบวนการแก้ปัญหา น่าจะทำให้ “ปฏิรูปกองทัพ” อย่างจริงจัง เป็น “ประเด็นใหญ่ของการหาเสียง” สำหรับ “การเลือกตั้งใหญ่” ที่จะถึง โดยมี “ชะตากรรมของลูกหลานชาวบ้าน” ที่ต้องเสี่ยงกับ “โศกนาฏกรรม” อันเกิดจาก “ความไม่เข้าท่าของการบริหารที่ไม่ใส่ใจ” เป็นข้อมูลที่จะนำมา “ชำแหละ” ประจานครั้งใหญ่ ซึ่งท้าทายอย่างยิ่งต่อ “การสืบทอดอำนาจ” ของ “รัฐบาลที่มาจากกองทัพ”
⦁…ชัดเจนว่า “8 ปี” ในเก้าอี้ “นายกรัฐมนตรี” ที่สื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาลตั้งฉายาว่า “แปดเปื้อน” ให้เป็นภาพสะท้อนถึง “ความเป็นผู้นำที่เปื้อนเปรอะ” เป็นรัฐบาลที่มีกลไก “อภิสิทธิ์ชน” คุ้มครอง ไม่ว่าจะเป็น “พรรคข้าราชการ” ที่มีอำนาจโดยไม่ต้องผ่านการเลือกตั้ง ในนามของ “สมาชิกวุฒิสภา” ที่กำหนดอำนาจไว้ล้นหลาม “พรรคทหาร” ที่ได้รับการสนับสนุนจาก “กลุ่มทุนผูกขาด” ที่ใช้โอกาสในอำนาจระดม “นักการเมือง” มาสนับสนุน ขณะที่ “นักการเมืองอีกจำพวกหนึ่ง” ที่เลือกยืนอยู่กับ “ผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง” คอยเป็น “แนวร่วมแห่ตาม” คำถามจึงเกิดขึ้นว่าหลังการเลือกตั้ง “สภาพเลอะเทอะ” เช่นนี้ ยังคิดว่าประชาชนจะยังคงยอมให้เกิดขึ้นกับ “การเมืองไทย” อีกหรือ
⦁…เมื่อ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ยก “ห้องประชุม ครม.” เป็น “สถานที่ศักดิ์สิทธิ์” เชิงตำหนิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่พูดถึง “โควต้าแต่งตั้งอธิบดีกรมฝนหลวง” ว่าเป็นของ “รัฐมนตรีช่วยว่าการ” โดยเตือนว่าเป็น “ความเห็นที่ขัดแย้งกฎหมาย” ด้วยจะแต่งตั้งใครเป็น “อำนาจปลัดกระทรวง” เหมือนอยู่มา “8 ปี” ไม่เคยพบเคยเห็น “รัฐมนตรีไปแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้าย” เมื่อ “โชว์ความใสซื่อมาเชือดนิ่มๆ” กันแบบนี้ “ความเป็นพี่น้องจะเหลืออยู่ได้อย่างไร” เท่ากับยืนยันข้อสรุป “3 ป.จบแล้ว”
⦁…ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ของ “รัฐบาลหน้ากากคนดี” ด้วยเรื่องราวสะเทือนแผ่นดิน
“ตำรวจและ ป.ป.ช.” บุกจับ “อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช” รัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา แบบที่ต้องบอกว่า “หลักฐานคาหนังคาเขา” ด้วยที่ถูกกล่าวหาว่า “สั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาส่งเต็มห้องทำงาน” ชัดขนาดนั้น ย่อมไม่แปลกที่จะเกิดความสงสัยตามมาว่า “8 ปี” ที่ “สืบทอดอำนาจ” ท่ามกลางเสียงกระซิบกระซาบว่าเป็น “ยุคสมัยแห่งการซื้อขายเก้าอี้ข้าราชการกันหนักสุดทุกหัวระแหง” ในความรู้สึกผู้คน ไม่ใช่แค่ “เสียงเล่าลือ” ยิ่ง “การเลือกตั้ง” ที่จะมาถึง กระหึ่มด้วยเสียงบอกเล่ากันว่าจะเป็น “การหาเสียงที่เงินสะพัดที่สุด” ยิ่งเท่ากับคอนเฟิร์มเสียงกระซิบที่ว่า
ชโลทร
