ไม่ว่าจะเป็นการหารือ “ภายใน” ระหว่าง “แม่น้ำ 5 สาย” ไม่ว่าจะเป็นการตระเตรียมเพื่อหารือระหว่างคสช.กับพรรคการเมือง
คำถามก็คือ ทำไมต้อง”หารือ”
คำตอบที่ไม่ว่า “แม่น้ำ 5 สาย” ไม่ว่า “พรรคการเมือง”ก็รู้กันอยู่เป็นอย่างดีก็คือ มาจาก “คำสั่งหัวหน้าคสช.”
เพราะคำสั่งหัวหน้าคสช.นั้นเองทำให้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญคลายความศักดิ์สิทธิ์
ทั้งๆที่ประกาศและบังคับใช้ตั้งแต่เมื่อเดือนเมษายน 2560
เพราะคำสั่งหัวหน้าคสช.นั่นเองทำให้บทบัญญัติของ พรป.ว่าด้วยพรรคการเมืองคลายความศักดิ์สิทธิ์ ทั้งๆที่ประกาศและบังคับใช้ตั้งแต่เมื่อเดือนตุลาคม 2560
นี่จึงเป็นปัญหา”ภายใน” มิได้เป็นปัญหาจาก”ภายนอก”
ถามว่านักกฎหมายระดับ นายวิษณุ เครืองาม รู้หรือไม่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ รู้หรือไม่ นายพรเพชร วิชิตชลชัย รู้หรือไม่
ตอบได้เลยว่า รู้
ยิ่ง นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต.ซึ่งมีพื้นฐานมาจากการเป็นผู้พิพากษาอย่างยาวนาน ย่อมมองเห็นอย่างทะลุปรุโปร่ง
แล้วทำไมจึงไม่สามารถบริหารจัดการได้
นั่นก็เพราะว่ารากฐานของปัญหามาจาก “ภายใน” และภายในที่ว่านั้นมี “คสช.”เป็นมูลฐาน
นั่นก็คือ “คสช.”เป็นตัวทุกข์ ตัวปัญหาเอง
สภาพจึงดำเนินไปเหมือนที่โบราณเรียกว่า “วัวพันหลัก”แก้ตรงจุดนี้แต่ไม่อาจลุล่วง ตรงกันข้าม กลับก่อให้เกิดปัญหาใหม่ติดตามมาอีกอีกจุดหนึ่ง
และที่สุดผลร้ายก็จะตกอยู่กับพวกของตัวเอง นั่นก็คือ พรรค การเมืองที่ปวารณาตนเป็นพรรคสนับสนุน คสช.
จึงยิ่งทำให้การแก้ไขดำเนินไปในแบบ “ลิงแก้แห”
ตราบใดที่โรดแมป”เลือกตั้ง”เคลื่อนเข้ามาใกล้ ตราบนั้นการแก้ปัญหาจะยิ่งพัลวันมากยิ่งขึ้น
เพราะ “คสช.”กลายเป็น”ผู้เล่น”เสียเอง
“คสช.”มิได้อยู่ในฐานะเป็น”กรรมการ”หรือ”คนกลาง”เหมือน 3 ปีแรกหลังรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 เพราะว่าต้องการจะครองอำนาจยาวนานไปพร้อมกับ”ยุทธศาสตร์ชาติ”ที่วางไว้
ตามหลักอริยสัจ ตรงนี้แหละคือตัวทุกข์ ตัวปัญหา
