เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์ ศูนย์วิจัยดิเรก ชัยนาม จัดเสวนา “ความขัดแย้งและสันติภาพ นโยบายรัฐ และประชาธิปไตย” โดยช่วงหนึ่งเป็นการเสวนาจากสาขาวิชาการระหว่างประเทศ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้สนใจเข้าร่วมงานจนเต็มห้องเสวนา
ผศ.ดร.ม.ล.พินิตพันธุ์ บริพัตร ผู้อำนวยการโครงการหลักสูตรนานาชาติ คณะรัฐศาสตร์ มธ. กล่าวถึงสถานะการปกครองของประเทศเมียนมาเรื่อง “ความเป็นประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง และตัวแสดงภายนอกในเส้นทางการปฏิรูปของเมียนมา” ว่า ตั้งแต่ปี 2008-2015 ผลการวิจัยค้นพบว่า การพัฒนาที่นำไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยของเมียนมาเกิดจากความช่วยเหลือจากต่างชาติ ทั้งความรู้ทางการเมือง ความรู้ทางเศรษฐกิจ และการปลูกฝังความเป็นประชาธิปไตย แต่ทุกอย่างเริ่มต้นไม่ได้หากรัฐบาลเมียนมาขาดเจตนาที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงการขับเคลื่อนประเทศชาติให้เป็นประชาธิปไตย ขณะเดียวกัน การเลือกตั้งในปี 2020 ของเมียนมาถือเป็นตัวชี้วัดอนาคตของประเทศ โดยแนวโน้มการกลับไปสู่ระบอบอำนาจนิยมเมียนมาอาจแอบแฝงอยู่ และไม่ได้หายไปไหน เนื่องจากพม่าเติบโตขึ้นโดยมีกองทัพเป็นสถาบันหลักเพียงสถาบันเดียว ไม่ว่าจะทั้งเชิงปฏิบัติหรือเชิงกฎหมาย รวมถึงการบริหารประเทศที่หยั่งรากลึกลงไปถึงการปกครองส่วนท้องถิ่น
“เมื่อทหารกลายเป็นส่วนสำคัญของประเทศ จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า ประเทศจะถอยหลังกลับไปสู่การเป็นอำนาจนิยม แต่ในช่วงหลายปีนี้ หากเราติดตามแนวคิดของกลุ่มทหารในประเทศ พวกเขาเหล่านั้นมีความคิดอยากเปลี่ยนแปลงรัฐบาลให้นำไปสู่การเป็นประชาธิปไตยโดยการเปิดรับมากขึ้น ทั้งความสัมพันธ์จากต่างประเทศ การรับยุทธโทปกรณ์ที่มีความจำเป็น ผมคิดว่าทหารของเมียนมาเรียนรู้ความหอมหวานของประชาธิปไตยพอสมควร และไม่น่าจะยอมกลับไปสู่การเป็นอำนาจนิยมอีกต่อไป” ผศ.ดร.ม.ล.พินิตพันธุ์กล่าว