กลยุทธ์ เหนือเมฆ แยกกันเดิน รวมกันตี กลยุทธ์ พรรคคสช.

เห็นภาพการเคลื่อนไหวของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กับ ภาพการเคลื่อนไหวของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แล้วต้องซี้ดดดปากด้วยความตื่นเต้น

“แยก” กันเดิน “รวม” กันตี

ไม่ว่า “กุนซือ” จะเป็นใคร ไม่ว่าจะมีรากฐานทาง “การทหาร” ไม่ว่าจะมีรากฐานทาง “การเมือง” ต้องยอมรับว่า

เฉียบ

Advertisement

เพราะว่าเป้าหมายของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ คือ ภาคอีสาน ภาคเหนือ เพราะว่าเป้าหมายของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ คือ ภาคใต้ กทม.

การเปิดเกมที่รีสอร์ตดัง จังหวัดเลย ชัด

ยิ่งการเดินสายของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เริ่มต้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ตามมาด้วยที่ จ.พัทลุง ชัดยิ่งกว่าใส

Advertisement

ทุกอย่างล้วนเพื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

แรกที่เปิดเกมดูด นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข และพวกกลางรีสอร์ตดัง จังหวัดเลย อาจเอาชื่อ “กลุ่มสามมิตร” เป็นธงนำ

แต่ที่สนามกอล์ฟ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ไม่อ้อมค้อมแล้ว

ไม่ว่า นายจำลอง ครุฑขุนทด ไม่ว่า นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ไม่ว่า นายเวียง วรเชษฐ จุดหมายปลายทาง คือ พรรคพลังประชารัฐ

3 คนนี้มาจากพรรคเพื่อไทยเช่นเดียวกับ นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข

ขณะที่แต่ละจุดซึ่ง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไปปรากฏตัวก็ไม่ปิดอำพรางเช่นเดียวกัน นั่นก็คือแสดงบทบาทในฐานะพรรครวมพลังประชาชาติไทย

เป้าหมายหลักย่อมเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์

ที่ว่า “กุนซือ” สำแดงความเฉียบ เพราะเท่ากับอุดช่องว่าง รอยโหว่ ที่เคยเกิดขึ้นหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2535 และหลังรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 ครบถ้วน

เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ โดนอย่างเสมอภาค เท่าเทียมกัน

ต้องยอมรับว่า บทบาทของพรรคพลังประชารัฐแตกต่างไปจากบทบาทของพรรครวมพลังประชาชาติไทยอย่างเห็นเด่นชัด

พรรครวมพลังประชาชาติไทยไม่เน้น “ดูด”

ตรงกันข้าม พรรคพลังประชารัฐยืนยัน “พลังดูด” อย่างตรงไปตรงมา เห็นได้จากการดันหลัง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ให้ออกหน้า ตามมาด้วย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน

ขณะที่อีก 1 ส.นั่งกำกับอยู่ใน “ทำเนียบ”

การให้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นกองหน้าสำหรับพรรครวมพลังประชาชาติไทยก็เพื่อทำให้ภาพของ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ ไม่ต้องแปดเปื้อน

ส่วนพรรคพลังประชารัฐก็ไม่มีอะไรจะสูญเสียอีกแล้ว

ภาพลักษณ์ของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นอย่างไรก็รับรู้กันเต็ม 2 หู ตั้งแต่ก่อนรัฐประหารปี 2549 กระทั่งก่อนรัฐประหารปี 2557

จึงเดินหน้า “ดูด” อย่างชนิด “เต็มสูบ”

ผลที่จะตามมาก็คือ ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย ล้วนตกเป็น “เป้าหมาย” และอยู่ในชะตากรรมอย่างเดียวกัน

คือ ได้รับแรงสะเทือนจาก “การดูด”

แต่จะหวังให้สถานการณ์ลงเอยแบบเดียวกับสถานการณ์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2535 ก็เลิกคิดได้เลย เพราะไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย ล้วนดำรงอยู่ในลักษณะ

ผีไม่เผา เงาไม่ยอมเหยียบกันอยู่แล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image