สถานีคิดเลขที่12 : พุทโธ่!-สามมิตร : โดย จำลอง ดอกปิก

แนวรบเลือกตั้งระอุ

พรรคการเมืองเคลื่อนไหวรวบรวมไพร่พลคึกคัก

พรรคพลังประชารัฐ ออกตัวแรง รักษาสปีดได้เสมอต้นเสมอปลาย

มีกลุ่มสามมิตรเป็นหัวหอก

ADVERTISMENT

ที่จริง พลังประชารัฐ ไม่ได้มีแต่กลุ่มนี้ รับหน้าเสื่อจัดอีเวนต์เดินสายจีบอดีต ส.ส. คัดผู้สมัคร และนำมาปูด-เปิดตัวต่อสาธารณะ

โชว์ผลงาน บอนไซพรรคเพื่อไทย

ADVERTISMENT

แต่กลไกขับเคลื่อนพลังประชารัฐ อยู่ในลักษณะกฐินสามัคคี

หน่วยดูด-เจาะ มีหลายระดับ หลายสาย จัดเกรดแบ่งกลุ่มทำงานหลวมๆ ตามการมีสายสัมพันธ์ในการดีล ความยากง่าย และชื่อชั้นของกลุ่มเป้าหมาย ดึงร่วมพรรค

ระดับบนสุด นายพลใหญ่บัญชาการ

ในรายที่ต้องการหลักประกันอะไรบางอย่าง ในเงื่อนไขการต่อรอง แลกกับการตีจากสังกัดใหม่ อย่างเรื่องชนักปักหลัง ติดบ่วงตรวจสอบ

งานใหญ่เบอร์นี้ ต้องใช้บริการ พึ่งบารมีบิ๊กผู้มีอำนาจ กดปุ่มได้

รองประธานกฐินสามัคคี มีรัฐมนตรี 1 ใน 2 ที่ได้รับการวางตัว มีตำแหน่งหลักในพรรครับบท

สายนี้ซุ่มโรดโชว์จีบ อดีต ส.ส.นักการเมืองท้องถิ่น ซึ่งนอกจากออฟเฟอร์ตัวเลข ยังจัดโปรโมชั่น สิทธิประโยชน์พิเศษ เรื่องงบประมาณ พูดเปิดทาง ปูทางอยากได้ตัวไหน ขอให้บอก-เสนอมา

ส่วนที่เปิดหน้า-โชว์ตัว ก็กลุ่ม 3 มิตร

โดยมีคู่หู 2 มิตร สมศักดิ์ เทพสุทิน สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รับหน้าที่เดินเกม ตั้งตู้เปิดหัวจ่าย

ขณะที่เมมเบอร์วีไอพีอีก 1 เคลื่อนไหวในทางลับ

เนื่องจากดำรงตำแหน่ง จึงต้องระมัดระวังเรื่องความเหมาะความควร

เน้นดีลในที่รโหฐาน ไม่โฉ่งฉ่าง ครึกโครม

รวมถึงแสวงหาความร่วมมือ ขยายเครือข่าย สร้างพันธมิตร แนวร่วมจับมือกันตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง

แต่อย่างไรก็ตาม ดูจากรายชื่อการรวบรวมไพร่พลในสายต่างๆ ที่พยายามเข็นโชว์ ความคืบหน้าเติบใหญ่ทุกสัปดาห์

กฐินสามัคคี มีแต่ปริมาณกรรมการ อดีต ส.ส.แถวหลัง

ผู้แทนจากการเลือกตั้งครั้งโมฆะ 2 กุมภาฯ 2557 และจากการเลือกตั้ง 2554 อันถือเป็นปีล่าสุดทางการ ในบัญชีที่นำมาแสดง แทบนับคนได้

ส่วนใหญ่ย้อนอดีตไปหลายชั่วการเลือกตั้ง

มีคนสดใหม่ สะท้อนการเป็นปัจจุบันที่สุด ของปี 2554 น้อยมาก

มีแต่ภาพความเป็นเด็กเก่าค่ายเพื่อไทย

ในยุคพลังประชาชน หรือแม้แต่รุ่นบุกเบิกในชื่อไทยรักไทย

เป้าหมายการย่อไซซ์ ลดทอนจำนวน ส.ส.พรรคเพื่อไทยลงให้ได้มากที่สุดนั้น พรรคพลังประชารัฐ ตีโจทย์แตก มาถูกทาง อย่างไม่ต้องสงสัย

แต่หากเจาะยางเพื่อไทยได้เท่านี้ กระทบเพื่อไทยน้อยมาก

ปกติการเลือกตั้งทุกครั้ง อดีต ส.ส.จากการเลือกตั้งครั้งก่อน สอบตกประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์

แต่อดีตผู้แทนที่ย้อนหลังสอบได้ไปเป็น 10 ปี น่าจะพอคาดเดาผลได้ว่า ถ้าส่งสมัคร จะได้กี่คน ชนะเพื่อไทยได้หรือไม่

การจัดตัวให้ดี มีฐานคะแนนรองรับนั้นสำคัญมาก

หากกระแสนิยมสู้ไม่ได้ แต่ถ้าได้ผู้สมัครที่มีเสียงรองรังระดับหนึ่ง การออกอาวุธ ใช้กำลังภายในก็ง่ายขึ้น โอกาสประสบความสำเร็จมีมาก

แต่ถ้าได้ประเภทหมดอายุ คนลืม กำลังภายในก็อาจช่วยไม่ได้

น่าประหลาดใจเป็นอย่างมาก ก็ตรงที่ว่าในยามที่ใครต่อใครต่างคิดว่า เพื่อไทยลำบาก

แต่สมาชิกกลับไม่สะทกสะท้าน ตีจากซบพรรคอื่น แกนหลักส่วนใหญ่กลับอยู่ครบหน้า

เหมือนกับมั่นใจกระแสนิยม-อะไรบางอย่าง

รัฐ-พรรคลายพราง หากต้องการชนะเลือกตั้ง

ต้องค้นหาคำตอบให้เจอ แก้ให้ได้ว่า เป็นเพราะเหตุใดเพื่อไทยถึงได้สมัครสมานสามัคคีไม่โดดหนีทิ้งพรรค

เป็นเพราะเหตุใด ในเมื่อเครื่องมือพร้อม แต่พลังประชารัฐกลับเจาะไม่เข้า ตีป้อมค่ายใหญ่ไม่แตก

หรือว่าพลังประชารัฐ หลงทาง

ไม่เน้นแถว 1 แต่มุ่งเก็บแถว 2 3 4 คิดว่าทุกคะแนน ทุกเขตมีความหมาย นำไปคำนวณเป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ได้

ลืมคิดไปว่า ส.ส.บัญชีรายชื่อมีแค่ 150 คน

แต่ก้อนใหญ่ คือ ส.ส.เขต 350 คนต่างหาก

เจาะ ส.ส.เขต ชนะตรงไม่ได้ ก็เสร็จเพื่อไทย

พุทโธ่!

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image