เคาต์ดาวน์ “บิ๊กหมู” ลา ทบ. ไยชื่อ “บิ๊กเจี๊ยบ” จึงมาแรง “บิ๊กป้อม-บิ๊กตู่” ใจถึง?

เคาต์ดาวน์ "บิ๊กหมู" ลา ทบ. ไยชื่อ "บิ๊กเจี๊ยบ" จึงมาแรง

เคาต์ดาวน์ “บิ๊กหมู” ลา ทบ. ไยชื่อ “บิ๊กเจี๊ยบ” จึงมาแรง “บิ๊กป้อม-บิ๊กตู่” ใจถึง? บิ๊กแดง-บิ๊กณัฐ ใจถึงใจ

บิ๊กหมู พลเอกธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. กำลังเตรียมนับถอยหลังสู่การเกษียณราชการแล้ว โดยไม่ต้องรอลุ้นเรื่องการยืดเวลาอายุราชการ เป็น 65 ปี เพราะแป๊บเดียวก็ล่วงเข้าเดือนเมษายนแล้ว วันเวลาจะยิ่งเดินไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากที่จัดโผโยกย้ายนายพลเสร็จสิ้นไปแล้ว อย่างลือลั่น ในการล้างบางลูกน้องสายตรงบิ๊กโด่ง พลเอกอุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และอดีต ผบ.ทบ. เพื่อนรัก ตท.14 ที่สร้างตำนานหักเหลี่ยมโหดกันมาแล้วนั้น พลเอกธีรชัย ก็กำลังเร่งจัดโผโยกย้ายระดับพันเอกพิเศษ และโผระดับผู้บังคับการกรม ไล่ยาวลงไปถึงโผพันเอก และโผระดับผู้บังคับกองพัน

ที่ก็ร่ำลือกันว่าจะมีการทิ้งทวน เพราะเป็นโผระดับนายพันครั้งสุดท้าย ที่ พลเอกธีรชัย จะได้จัดด้วยตนเอง หลังจากที่ได้เคยจัดมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อแรกที่ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. เมื่อตุลาคม 2558 ที่ผ่านมา

ท่ามกลางข่าวสะพัดว่า จะมีการแพร่กระจายสายเลือดบูรพาพยัคฆ์ จาก พล.ร.2 รอ. ไปอยู่ตามกองพล กรม และกองพัน ในหน่วยหลักๆ ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภาคกลาง ที่ได้ชื่อว่าเป็นขุมกำลังปฏิวัติ คือทั้ง พล.1 รอ. และ พล.ร.9 จนถึงหน่วยระดับมณฑลทหารบก เพื่อวางตัวให้เติบใหญ่ คุมหน่วยในอนาคต

Advertisement

ด้วยความเป็นนายทหารสายเลือดบูรพาพยัคฆ์พันธุ์แท้ เพราะเติบโตมาใน ร.2 รอ. มาตลอด จึงทำให้ พลเอกธีรชัย ไม่ได้ไปร่วมงานวันสถาปนา พล.1 รอ. เมื่อ 2 เมษายนที่ผ่านมา เพราะถือว่าตนเองไม่ได้โตมาจากหน่วยนี้ จึงมอบบิ๊กโชย พลเอกกัมปนาท รุดดิษฐ์ ผช.ผบ.ทบ. ซึ่งเป็นวงศ์เทวัญ โตมาจาก พล.1 รอ.มาตลอด ไปแทน

ระยะเวลากว่า 6 เดือน ของการเป็น ผบ.ทบ. ปรากฏให้เห็นชัดเจนว่า พลเอกธีรชัย เป็นนายทหารที่ตรงไปตรงมา เสแสร้งไม่เป็น ชอบหรือไม่ชอบก็แสดงออกมาตรงๆ จนทำให้เกิดตำนานล้างแค้นขึ้น และไม่เคยปรากฏภาพการพูดคุย หัวเราะใกล้ชิด สร้างภาพ กับ พลเอกอุดมเดช ให้ได้เห็นเลย กลับมีแต่การแยกตัวออกห่าง ไม่เข้าใกล้ หรือพูดคุยเท่าที่จำเป็น แต่ทำความเคารพตามสายการบังคับบัญชา

จึงไม่แปลกที่ เมื่อผลการสอบสวนข้อเท็จจริงของ สตง.-ปปท. และ ศอตช. ของกระทรวงยุติธรรม สรุปออกมาไม่พบการทุจริตใดๆ ในโครงการอุทยานราชภักดิ์ แล้ว บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ จะเอ่ยปากถาม พลเอกธีรชัย ต่อหน้าสื่อเลยว่า “ราชภักดิ์ จบรึยัง” จนเขาต้องรีบตอบว่า “จบครับ”

Advertisement

ท่ามกลางการจับตามองว่าปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ใน ทบ. อันเป็นผลพวงรอยร้าวระหว่าง พลเอกธีรชัย และ พลเอกอุดมเดช จะจบจริงหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ พลเอกประวิตร ก็เคยบอก พลเอกธีรชัย มาแล้วว่า ให้ใจเย็นๆ และขอให้จบมาแล้ว

แม้แต่บิ๊กตู่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ก็ยังปรามๆ ให้ยุติปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ที่เกิดจากคนไม่กี่คน แต่จะลุกลามบานปลาย ทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตจนเกือบแก้ไขไม่ได้ เช่น กรณีอุทยานราชภักดิ์ มาแล้ว

แต่ดูเหมือนว่า ไม่ใช่เรื่องง่าย…

สิ่งที่เห็นชัดๆ คือ ระยะห่างระหว่าง พลเอกธีรชัย และบิ๊กแกละ พลเอกพิสิทธิ์ สิทธิสาร เสนาธิการทหารบก ทั้งๆ ที่ ผบ.ทบ. และ เสธ.ทบ. เวลาไปไหนก็ต้องไปด้วยกัน แต่กาลปรากฏว่า พลเอกธีรชัย จะเลือกบิ๊กไก่ พลเอกกิตติ อินทสร ผอ.ททบ.5 เพื่อนรัก ตท.14 ที่เขาเคยพยายามผลักดันให้เป็น เสธ.ทบ. มาก่อนแต่ไม่สำเร็จ ร่วมคณะไปแทน

พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร

เนื่องจาก พลเอกอุดมเดช ตอนที่เป็น ผบ.ทบ. เป็นคนเลือก พลเอกพิสิทธิ์ ขึ้นมาเป็น เสธ.ทบ. แถมได้ไฟเขียวจาก พลเอกประวิตร อีกด้วย

แต่ในระยะหลังๆ มานี้ พลเอกธีรชัย ยอมที่จะเชิญชวน พลเอกพิสิทธิ์ ร่วมคณะภารกิจต่างๆ มากขึ้น โดยเฉพาะการไปชายแดนภาคใต้ ที่จำเป็นจะต้องมี พลเอกพิสิทธิ์ ซึ่งเป็นเลขาธิการ กอ.รมน. ไปด้วย

กล่าวกันว่า อาจมองได้ว่าเป็นการ “เอาคืน” เพราะเมื่อครั้งที่ พลเอกอุดมเดช เป็น ผบ.ทบ. นั้น ไปไหนมาไหนก็จะมีบิ๊กติ๊ก พลเอกปรีชา จันทร์โอชา ที่ในเวลานั้น เป็น ผช.ผบ.ทบ. และเป็นแคนดิเดต ผบ.ทบ. ไปด้วยเสมอ

รวมถึงร่วมเป็นคณะกรรมการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ แต่ไม่ได้ชวน พลเอกธีรชัย ซึ่งในเวลานั้นเป็นแคนดิเดต ผบ.ทบ. อีกคนร่วมด้วย

ในเวลานั้นรู้กันดีว่า พลเอกอุดมเดช ไม่ได้หนุน พลเอกธีรชัย เป็น ผบ.ทบ. แต่หนุน พลเอกปรีชา น้องชายนายกฯ เป็น ผบ.ทบ.

แต่ทว่า ในที่สุด พลเอกประวิตร และ พลเอกประยุทธ์ เป็นคนตัดสินใจเลือกพลเอกธีรชัย เป็น ผบ.ทบ. ที่จุดนี้ยิ่งทำให้ พลเอกธีรชัย ไม่ได้ซาบซึ้งใดๆ ในตัว พลเอกอุดมเดช ที่แม้จะเสนอชื่อตนเองเป็น ผบ.ทบ. แต่ก็เพราะตามบัญชาของผู้ใหญ่

มาตอนนี้ พลเอกธีรชัย ก็กำลัง “ย้อนศร” ทำเช่นในอดีต คือ เวลาไปไหนมาไหนเขาเลือกที่จะให้บิ๊กเจี๊ยบ พลเอกเฉลิมชัย สิทธิสาท ผช.ผบ.ทบ. ร่วมคณะไปด้วย ทั้งๆ ที่ โดยสายงานแล้ว พลเอกเฉลิมชัย ซึ่งเป็น ผช.ผบ.ทบ.(1) จะดูแลแค่สายงานการส่งกำลังบำรุง และกิจการพลเรือนมากกว่าที่จะมี พลเอกพิสิทธิ์ ที่จะไปเฉพาะที่จำเป็น ในฐานะ เสธ.ทบ. เท่านั้น

เพราะในเวลานี้ แคนดิเดต ผบ.ทบ. มีแค่ พลเอกพิสิทธิ์ และ พลเอกเฉลิมชัย เท่านั้น จนมีการเดาใจ พลเอกธีรชัย กันแล้วว่า ถ้าให้เลือกได้เขาก็จะเสนอชื่อ พลเอกเฉลิมชัย เป็น ผบ.ทบ.คนใหม่ แทนตนเอง ที่จะเกษียณกันยายน 2559 นี้

แม้ว่า พลเอกเฉลิมชัย จะเป็นนายทหารสายรบพิเศษ ไม่ได้เติบโตมาในสายบูรพาพยัคฆ์ ใน พล.ร.2 รอ. เช่นเดียวกันระหว่าง พลเอกธีรชัย กับ พลเอกพิสิทธิ์ ก็ตาม แต่เพราะ พลเอกพิสิทธิ์ ถูกจัดให้เป็นนายทหารที่สนิทสนมกับ พลเอกอุดมเดช และเป็นกลุ่มที่ทำงานอุทยานราชภักดิ์ มาด้วยกัน จนถึงขั้นที่ พลเอกอุดมเดช เลือก พลเอกพิสิทธิ์ ให้เป็นคณะกรรมการมูลนิธิราชภักดิ์ ด้วย เพราะหวังจะให้ดูแลต่อ เมื่อ พลเอกพิสิทธิ์ ได้เป็น ผบ.ทบ.

จนในเวลานี้ กระแสข่าวที่สะพัดในกองทัพบก ที่ไปพ้องกับในทำเนียบรัฐบาล ก็คือ พลเอกธีรชัย จะเสนอชื่อ พลเอกเฉลิมชัย เป็น ผบ.ทบ.คนใหม่ เป็น สิทธิสาท ไม่ใช่ สิทธิสาร

บางกระแสระบุว่า พลเอกประยุทธ์ และ พลเอกประวิตร ได้ตกผลึกเรียบร้อยแล้วว่าจะให้ พลเอกเฉลิมชัย เป็น ผบ.ทบ.คนใหม่

โดยเฉพาะเมื่อระยะหลังๆ มานี้ พลเอกประยุทธ์ มักที่จะพูดคุยหยอกล้อ พลเอกเฉลิมชัย ทุกครั้งที่ได้พบเจอกัน

ที่สำคัญคือ พลเอกประยุทธ์ นั้นไว้วางใจให้ พลเอกเฉลิมชัย ทำงานลับสำคัญๆ ต่อเนื่อง ตั้งแต่ พลเอกเฉลิมชัย เป็น ผบ.นสศ. ตามประสานายทหารรบพิเศษ ที่มีความสามารถสูง เรียกได้ว่ามีอะไรนายกฯ ก็จะสายตรงถึง หรือบางครั้งก็ผ่านทางบิ๊กโชย พลเอกกัมปนาท รุดดิษฐ์ ผช.ผบ.ทบ. น้องรักนายกฯ เพื่อน ตท.16 ของ พลเอกเฉลิมชัย

จนกลายเป็นสัญญาณหนึ่ง ที่ถูกตีความว่า พลเอกเฉลิมชัย อาจเป็น ผบ.ทบ.คนใหม่

พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท

ทั้งนี้ก็ด้วยเหตุผลที่วิเคราะห์กันว่า

1. จะสยบกระแสความไม่พอใจในกองทัพ ที่นายทหารในสายทหารเสือราชินี และบูรพาพยัคฆ์ ได้เป็น ผบ.ทบ. มาต่อเนื่องกันแล้ว 4 คน แถมอำนาจยังอยู่ในมือสายบูรพาพยัคฆ์ จนทุกวันนี้

2. เป็นการทำให้กำลังพลในกองทัพ เห็นว่า พลเอกประวิตร และ พลเอกประยุทธ์ ไม่ได้เอาแต่ทหารเสือ หรือบูรพาพยัคฆ์ แต่ยึดหลักการความชอบธรรมในการให้นายทหารที่เหมาะสม ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. แม้ว่าจะไม่ได้เป็นนายทหารที่สนิทสนมหรือเติบโตด้วยกันมาก่อนก็ตาม

ที่สำคัญที่สุดคือ 3.จะเป็นการแสดงให้เห็นว่า ไม่ได้มีความขัดแย้งแตกแยก แข่งขันแย่งชิงอำนาจกัน ระหว่างสายบูรพาพยัคฆ์ กับ สายของบ้านสี่เสาเทเวศร์ เพราะต้องไม่ลืมว่า พลเอกเฉลิมชัย นั้นเป็นน้องรักของบิ๊กแอ้ด พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ลูกป๋าคนโปรด ที่เติบโตด้วยกันมาในหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ลพบุรี

เพราะก่อนหน้านี้ มีความพยายามในการเสี้ยมสร้างความขัดแย้งหวาดระแวงระหว่างสายบูรพาพยัคฆ์ ภายใต้มุ้งอำนาจบารมีของ พลเอกประวิตร กับ สายบ้านสี่เสาเทเวศร์ จนเป็นที่มาของวาทะ “ป๋าป้อม” กับ “ป๋าเปรม” มาเป็นระยะๆ

พร้อมๆ กันนั้น 4.ยังเป็นการล้างลบรอยแผลในใจระหว่าง พลเอกประวิตร กับ พลเอกสุรยุทธ์ อีกด้วย อาจทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนกลับมาคืนดีกันก็เป็นได้ หลังจากที่เมื่อครั้งเป็น ผบ.ทบ. พลเอกสุรยุทธ์ สั่งเด้ง พลเอกประวิตร เข้ากรุ หลุดไลน์มาแล้ว

ท่ามกลางการจับตามองว่า การเปิดบ้านสี่เสาฯ ในเทศกาลสงกรานต์ 11 เมษายน ที่นายกฯ นำ ครม.ทหาร คสช. ผบ.เหล่าทัพ เข้ารดน้ำขอพรนั้น พลเอกเปรม อาจมีการส่งสัญญาณบางอย่างออกมา

ในเวลานี้ ทำให้ใครๆ ก็เชื่อว่า พลเอกเฉลิมชัย จะได้เป็น ผบ.ทบ.คนใหม่ ส่วน พลเอกพิสิทธิ์ นั้น จะถูกส่งข้ามไปเป็นปลัดกลาโหม เป็นการปลอบใจ และจะได้ทำงานใกล้ชิดกับทั้ง พลเอกประวิตร รมว.กลาโหม และรวมทั้ง พลเอกอุดมเดช รมช.กลาโหม ด้วยนั่นเอง

กระแสข่าวนี้สะพัดในกระทรวงกลาโหม จนทำให้นายทหารที่เป็นตัวเต็ง และเหมาะสม อย่างบิ๊กช้าง พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกลาโหม อาจจะชวดเก้าอี้ ปลัดกลาโหม แม้ว่าเขาจะโตมาในกลาโหมยาวนาน ตามไลน์ เคยเป็น ผอ.สำนักนโยบายและแผนกลาโหม และขึ้นเป็นรองปลัดกลาโหม และได้รับมอบหมายให้เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงอุทยานราชภักดิ์ อีกด้วย

ทั้งนี้เพราะ พลเอกพิสิทธิ์ เหลืออายุราชการแค่ปีเดียว แม้จะเป็นเตรียมทหาร 17 แต่เกษียณกันยายน 2560 แถมทั้งตกเป็นข่าวลือว่า ไม่ใช่น้องรักของ พลเอกประยุทธ์ เพราะเมื่อครั้งที่เป็น ผบ.ทบ. พลเอกประยุทธ์ ก็ไม่ยอมแต่งตั้ง พลเอกพิสิทธิ์ เป็นแม่ทัพภาค 1 ทั้งๆ ที่เส้นทางรับราชการของ พลเอกพิสิทธิ์ นั้น สวยงาม โตมาในสายกำลังรบ เป็นคอมแมนเดอร์มาตลอด

ขณะที่ พลเอกเฉลิมชัย นั้น เป็นรุ่นพี่เตรียมทหาร 16 แต่ทว่าเกษียณกันยายน 2561 จึงทำให้จับตามองกันว่า หากเขาได้เป็น ผบ.ทบ. แล้ว จะได้นั่งยาว 2 ปี จนเกษียณหรือไม่ หรือว่าเมื่อเป็น ผบ.ทบ. 1 ปีแล้ว ในการโยกย้ายกันยายน 2560 จะขยับไปเป็น ผบ.สส. เพื่อเปิดทางให้บิ๊กเข้ พลโทเทพพงศ์ ทิพยจันทร์ แม่ทัพภาค 1 น้องรักของ พลเอกประยุทธ์ และ พลเอกประวิตร ที่คาดว่าโยกย้ายกันยายนนี้ จะขึ้นเป็น พลเอก ห้าเสือ ทบ. จ่อคิวรอไว้ก่อน แล้วขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ต่ออีก 1 ปี เพราะ พลโทเทพพงศ์ ซึ่งเป็นเตรียมทหาร 18 แต่ก็เกษียณราชการกันยายน 2561 พร้อม พลเอกเฉลิมชัย

นั่นหมายถึงว่า หาก พลเอกเฉลิมชัย ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ในโยกย้ายกันยายนนี้จริง ก็สามารถเป็น ผบ.ทบ. 2 ปี จนเกษียณได้เลย และก็จะเป็นการปิดทางดับฝัน พลโทเทพพงศ์ ไปโดยพลัน

แต่อย่าลืมว่า การเลือกตั้งปี 2560 มีผลต่อการแต่งตั้ง โยกย้ายทหารกันยายนปี 2560 อย่างมากด้วย เพราะหากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านการทำประชามติ การเลือกตั้งก็จะมีขึ้นราวกรกฎาคม-สิงหาคม 2560 ทางรัฐบาล คสช. โดย พลเอกประยุทธ์ และ พลเอกประวิตร จะยังคงมีอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้ายทหารอยู่

แม้ว่า ร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ และทำให้ พลเอกประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้า คสช. ต้องแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราว หรือนำรัฐธรรมนูญฉบับใดมาใช้ เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งภายในปี 2560 ตามสัญญา ที่แม้อาจจะล่าช้าไปสักสิงหาคม-กันยายน-ตุลาคม ก็เชื่อว่า ในเวลานั้นรัฐบาล คสช. จะเร่งจัดโผโยกย้ายทหาร แต่งตั้ง ผบ.ทบ. และ ผบ.เหล่าทัพ ให้เสร็จสิ้นก่อน

เพราะหาก พลเอกเฉลิมชัย ขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. จริง พลเอกประยุทธ์ และ พลเอกประวิตร ก็อาจจะต้องมีกระซิบสัญญาไว้ด้วยว่า จะขอให้เป็นปีเดียว ส่วนอีก 1 ปี จะขยับไปเป็น ผบ.สส.

นั่นหมายถึงว่า ในโยกย้ายทหารกันยายน 2560 นายทหารใน บก.กองทัพไทย ที่จ่อเป็น ผบ.สส. ต่อจากบิ๊กปุย พลเอกสุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ เสนาธิการทหาร ที่คาดว่าตอนนั้นได้ขึ้นเป็น ผบ.สส. ต่อจากบิ๊กเต้ พลเอกสมหมาย เกาฏีระ ที่จะเกษียณกันยายนนี้แล้ว อย่างบิ๊กต๊อก พลเอกธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ รองเสนาธิการทหาร อาจชวดเก้าอี้ อาจถูก พลเอกเฉลิมชัย มาเสียบยอดเป็น ผบ.สส. แทน ก็เป็นได้

แต่ก็เกิดคำถามว่า เมื่อ พลเอกเฉลิมชัย ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. แล้ว จะยอมถูกขยับไปเป็น ผบ.สส. หรือไม่ เพราะอย่าลืมว่าเบื้องหลัง พลเอกเฉลิมชัย ยังมี พลเอกสุรยุทธ์ อยู่อีกคน

มีรายงานว่า ในหมู่นายทหารหมวกแดงรบพิเศษ ที่ลุ้น พลเอกเฉลิมชัย เป็น ผบ.ทบ. นั้นต่างมีความหวังเต็มหัวใจ และมีการเตรียมตัวเตรียมทีมที่จะมาทำงานกับ พลเอกเฉลิมชัย กันเลยทีเดียว

กองเชียร์ พลเอกเฉลิมชัย ก็มหาศาล เพราะนายทหารที่ไม่ใช่ทหารเสือ ไม่ใช่บูรพาพยัคฆ์ ต่างก็แอบเชียร์ เพราะต้องการให้อำนาจเปลี่ยนมือบ้าง

รวมไปถึงพวกทหารแตงโม และฝ่ายตรงข้าม คสช. ก็ต้องการให้เกิดสภาพการณ์ของ อำนาจเปลี่ยนมือจากบูรพาพยัคฆ์ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ชอบสายบ้านสี่เสาฯ สาย พลเอกสุรยุทธ์ ก็ตาม แต่ก็เชียร์ พลเอกเฉลิมชัย ให้ชิงอำนาจจากมือบูรพาพยัคฆ์มาให้ได้ เพราะพวกเขามองว่า ในที่สุดอาจตามมาด้วยความขัดแย้ง การแย่งชิงอำนาจ ที่อาจส่งผลต่อสถานการณ์ทางการเมืองด้วยนั่นเอง

แต่อย่างไรก็ตาม ต้องไม่ลืมว่า พลเอกพิสิทธิ์ นั้น ก็ยังไม่ได้หมดหวัง เพราะในหมู่นายทหารบ้าน ร.1 รอ. สายบิ๊กป้อม ก็ยังหนุนเขาเต็มที่

ไม่แค่นั้น นายทหารในสายวงศ์เทวัญ ที่โตมาจาก ร.11 รอ. ด้วยกัน และนายทหารในกองทัพภาค 1 ต่างก็ยังสนับสนุนให้ พลเอกพิสิทธิ์ ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.

แต่ก็เชื่อกันว่า แม้จะมีบิ๊กหนุ่ย พลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ และเพื่อนรัก ตท.12 ของ พลเอกประยุทธ์ และบิ๊กต๊อก พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม และแกนนำ คสช. หนุนอีกแรงก็ตาม เพราะโตมาจาก ร.11 รอ.ด้วยกัน แต่ท้ายที่สุดก็ต้องให้ พลเอกประยุทธ์ และพลเอกประวิตร ตัดสินใจ

เพราะอย่าลืมว่า ในอีกมุมหนึ่ง พลเอกไพบูลย์ ก็อาจจะไม่ได้เต็มที่กับ พลเอกพิสิทธิ์ ที่ภาพพจน์กลายเป็นนายทหารในสายของ พลเอกอุดมเดช ที่ก็มีปัญหาคาใจกับ พลเอกไพบูลย์ มาก่อนนั่นเอง

ในเวลาที่เหลืออยู่ไม่กี่เดือนนี้ จึงเป็นห้วงเวลาที่ยากลำบากของ พลเอกพิสิทธิ์ ที่แม้จะดูเป็นต่อในแง่ของการเป็นน้องรักของ พลเอกประวิตร แต่ทว่าไม่มีใครรู้ว่า เขาจะผ่านด่าน พลเอกประยุทธ์ ไปได้หรือไม่

แต่ไม่ว่าใครจะเป็น ผบ.ทบ.คนใหม่ก็ตาม แต่ที่ต้องจับตาคือ อนาคตของ พลเอกธีรชัย ว่าเมื่อเกษียณราชการแล้วเขาจะมีตำแหน่งใดรองรับ

เพราะอย่าลืมว่า ในเวลานั้นบิ๊กหมูเขาจะมีดีกรีของ อดีต ผบ.ทบ. และเลขาธิการ คสช. อีกด้วย เพราะตอนที่ พลเอกอุดมเดช เกษียณราชการจาก ผบ.ทบ. และเลขาฯ คสช. พลเอกประยุทธ์ ก็ยังแต่งตั้งให้เป็นคณะกรรมการ คสช. ต่อ นอกเหนือจากที่ให้เป็น รมช.กลาโหม มาตั้งแต่ต้น

จนทำให้เกิดข่าวสะพัดว่า เมื่อนั้น พลเอกประยุทธ์ คงจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีใหม่ แล้วอาจดึง พลเอกธีรชัยเข้ามาร่วม ครม. รวมทั้งอนาคตหลังเกษียณของ พลเอกปรีชา ปลัดกลาโหม น้องชายนายกฯ ที่จะเกษียณกันยายนนี้ด้วย

แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ทุกสายตาจับจ้องไปที่นายทหารยังเติร์ก ตท.20 อย่างบิ๊กณัฐ พลโทณัฐ อินทรเจริญ ที่ขึ้นเป็นพลโท รอง เสธ.ทบ. ถือว่าเป็นน้องนุชสุดท้อง ในระดับบิ๊กแห่ง บก.ทบ.

และเป็นไปตามคาด ที่ พลโทณัฐ ลูกรัก พลเอกประวิตร จะได้รับการแต่งตั้งเป็น ผอ.ศูนย์ปรองดองเพื่อความสมานฉันท์ (ผอ.ศปป.) ของ คสช. ในฐานะที่เป็น นายทหารที่มากคอนเน็กชั่น เพราะได้บารมีและสายสัมพันธ์ในเครือข่าย วงษ์สุวรรณ มาจาก พลเอกประวิตร มายาวนาน

ตอนนึ้ พลโทณัฐ เลยกำลังจัดดรีมทีมที่จะมาทำงานด้านการปรองดอง โดยจะดึง เสธ.โบ พลโทอรรถพร โบสุวรรณ ที่ทำงานมวลชนมาตลอด รวมทั้ง เสธ.แต้ม พลตรีบรรพต พูลเพียร อดีตโฆษก กอ.รมน. ที่ทำงานมวลชนมาตลอดเช่นกัน มาช่วย เพราะเป็นเพื่อน ตท.20 ด้วยกัน

ท่ามกลางการถูกจับตามองถึงอนาคตของ พลโทณัฐ นายทหารเสือสายบูรพาพยัคฆ์ ว่าจะเป็นแม่ทัพภาค 1 ในโยกย้ายกันยายนนี้หรือไม่ เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า บิ๊กแดง พลโทอภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพน้อย 1 เพื่อนรัก ตท.20 เป็นตัวเต็ง และถือเป็นดาวรุ่งของรุ่น เพราะมีอายุราชการถึงปี 2563 ส่วน พลโทณัฐ เกษียณปี 2564

แต่มีรายงานว่าเพื่อนรักทั้ง 2 ได้เปิดใจคุยกันแล้วว่าจะไม่มีการแข่ง แย่งชิง หรือขัดแย้งกัน แต่ให้เป็นเรื่องการตัดสินใจของผู้ใหญ่

แต่มีอะไรก็ต้องเปิดใจคุยกัน แบบใจถึงใจ ในฐานะเพื่อนรัก

ทั้งหมดนี้ อีกไม่นานเกินรอ…จะได้รู้กัน ทั้ง ทบ. 1 และ แม่ทัพภาค 1

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image