ผบ.ทบ.ชี้นำ 13 ชีวิตออกถ้ำต้องปลอดภัย 100% รับดำน้ำมีความเสี่ยง เสียใจอดีตซีลดับ

ผบ.ทบ.ชี้นำทีมหมูป่าออกจากถ้ำทางน้ำ ต้องมั่นใจ 100% ว่าสำเร็จ ยันกำลังพลพร้อม รอเช็กสภาพร่างกาย-จิตใจ-ความสามารถทางน้ำ 13 ชีวิต เผยการดำน้ำมีความเสี่ยง เสียใจอดีตซีลจิตอาสาพลีชีพ คาดพักผ่อนน้อย ใจอยากช่วยคิดว่าไหว

เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.) ว่าได้เน้นย้ำให้มีการปรับกำลัง ในการช่วยเหลือการปฏิบัติงานในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ของทีมหมูป่าอะคาเดมี่ ขณะนี้กำลังพลที่ส่งเข้าไปสนับสนุนถือว่าเพียงพอแล้ว ในส่วนของกองทัพบก มีกำลังพลกว่า 1,200 คน แบ่งการปฏิบัติงานเป็น 3 ส่วน คือ 1.ปฏิบัติงานภายในถ้ำหลวง ช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องการลำเลียง ขนย้ายทุกอย่าง ร่วมกับหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (นสร.) 2.สนับสนุนการระบายน้ำ พื้นที่รอบถ้ำ และเบี่ยงทางน้ำ 3.ปฏิบัติงานในพื้นที่บนเขาและยังคงปฏิบัติภารกิจ ร่วมกับกรมป่าไม้ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้ ตนได้สั่งการเพิ่มเติมในเรื่องการผลัดเปลี่ยนกำลังเพื่อหมุนเวียนกำลังพลชุดใหม่เข้าไปทดแทนกำลังพลที่อ่อนล้าจากการทำงาน ส่วนใหญ่เป็นกำลังพลระดับล่างที่ใช้แรงงาน

พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวต่อว่า สำหรับแนวทางการนำเด็กและโค้ชจำนวน 13 คน ออกมาจากถ้ำทางน้ำนั้น ต้องมีสิ่งประกอบหลายๆ อย่าง ที่จะทำให้เรามั่นใจ 100% ว่าจะประสบความสำเร็จ ประกอบด้วย 1.ความพร้อมของเจ้าหน้าที่ ทั้งหน่วยซีลและหน่วยสนับสนุน ยุทโธปกรณ์ ตนคิดว่ามีความพร้อมพอสมควร อาจจะขาดอุปกรณ์พิเศษบางอย่าง แต่คนพร้อมแล้ว 2.ตัวน้องๆ ทั้ง 13 คน จะต้องพิจารณา 3 ส่วน คือ 1.ร่างก่าย ที่จะต้องได้รับการฟื้นฟู ให้แข็งแรงเหมือนเดิม หรือใกล้เคียงของเดิม ถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะต้องใช้เวลา 5 ชั่วโมงในการเดินทางออกมา 2.ขีดความสามารถทางน้ำ และการใช้เครื่องมือ ซึ่งจำเป็นต้องเรียนรู้พอสมความ

พล.อ.เฉลิมชัยกล่าวต่อว่า 3.ความพร้อมของจิตใจ เพราะการดำน้ำสภาพจิตใจสำคัญที่สุด ต้องนิ่งและควบคุมสติได้ โดยเฉพาะการดำน้ำในถ้ำที่มีพื้นที่แคบ และมองไม่เห็น ทราบว่าในบางช่วงของการเดินทางทางน้ำน้องๆ ต้องดูแลตัวเองด้วย 3.สภาวะแวดล้อมแบ่งเป็น 2 ประการ คือปริมาณน้ำ และอากาศ ขณะนี้ทราบว่าหน่วยในพื้นที่พยายามทุกทางเพื่อจะเติมอากาศเข้าไปและลดปริมาณน้ำในถ้ำ

Advertisement

“เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ เขาทุ่มเททั้งชีวิต สำหรับการทำงานครั้งนี้ และเป็นเพียงอดีตข้าราชการที่มีจิตอาสาเข้ามาช่วย การทำงานในภารกิจซ้ำๆ คนน้อย พื้นที่ห่างไกล เวลาพักผ่อนน้อย และสภาวะภายในถ้ำ ไม่ได้อยู่สบาย หลับนอนไม่สมบรูณ์ อาจจะส่งผลโดยที่ตัวเองไม่รู้ตัว ผมได้ฝากเน้นย้ำไปยังกำลังพล เพียงแต่บางครั้ง ใจอยากจะช่วย และคิดว่าไหว ต้องเข้าใจอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เราทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ส่วนความหวังที่จะนำน้องๆ ออกจากถ้ำโดยเร็วที่สุดนั้น เชื่อว่าจะทำได้ ทุกภาคส่วนช่วยเหลือกันเต็มที่ ถือเป็นสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม” พล.อ.เฉลิมชัยกล่าว

ผบ.ทบ.กล่าวอีกว่า ขณะนี้เป็นเรื่องที่ตอบอยาก ว่าควรนำเด็กและโค้ช ออกทางน้ำ หรือทางโพรงถ้ำ เพราะทั้ง 2 ทางมีทั้งข้อดีและข้อเสีย การเข้าทางโพรงถ้ำ ถ้าเราทำได้เป็นเรื่องที่ดี แต่ดูจากพื้นฐานก็ยากพอสมควร ทั้งความลึก และเครื่องมือที่จะต้องทำในเวลาจำกัด ส่วนการออกทางน้ำก็จะมีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากมาย อย่างไรก็ตาม ให้หน้างานเป็นผู้ตัดสินใจ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image