“มาร์ค” มึน “บิ๊กตู่” ฉุนใคร ปัด ปชป.ไม่เคยบอกไม่ลงเลือกตั้งแม้ไม่เห็นด้วยร่าง รธน.-ยัน ส.ว.เลือกนายกฯ ปชป.ไม่ได้ประโยชน์ ลั่น ถ้าไม่บอกทางออก หาก รธน.ไม่ผ่านประชามติก็จะตื๊อต่อไป
เมื่อวันที่ 12 เมษายน ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกมาแสดงความไม่พอใจที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศจุดยืนไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ และขอให้คนที่เคยบอกว่าจะไม่ลงเลือกตั้งหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติให้ทำตามคำพูดว่า จากที่ติดตามคำสัมภาษณ์ไม่แน่ใจว่านายกฯหมายถึงใคร เพราะการพูดว่าลงหรือไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นการตอบคำถามว่า ถ้ามีปัญหาว่าพรรคการเมืองไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งจะทำอย่างไร นายกฯก็บอกว่าใครที่บอกไม่ลงก็ขอให้ไม่ลงจริงๆ ซึ่งพรรคไม่เคยพูด จึงไม่มีประเด็นต้องแลกเปลี่ยนกับนายกฯ อย่างไรก็ตาม อยากให้นายกฯ ตรวจสอบด้วยว่าเรื่องที่สื่อถามเกี่ยวข้องกับใคร ส่วนที่นายกฯตั้งคำถามว่ากลัวอะไรกับคำถามพ่วงให้ ส.ว.ร่วมเลือกนายกฯนั้น เห็นว่า นายกฯเองก็เคยไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้ ส.ว.เลือกนายกรัฐมนตรี ดังนั้น จึงคิดว่าน่าจะเข้าใจ แต่ถ้าถามว่ากลัวอะไรขอพูดในภาพรวมว่าการแสดงความเห็นของตนไม่มีประโยชน์ส่วนตนและของพรรค แต่เป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริตที่ห่วงใยประเทศบ้านเมือง บนหลักการ อุดมการณ์ที่ทำงานมาตลอดชีวิตในนามพรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่ได้แสดงความเห็นบนพื้นฐานของความกลัว
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันยังมีคนครหาด้วยซ้ำว่า คำถามดังกล่าวจะช่วยพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ เพราะการเลือกตั้งที่ผ่านมาเสียงน้อยกว่า ดังนั้น หากเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนจริงการสนับสนุนคำถามพ่วงไม่ง่ายกว่าหรือ ซึ่งทราบดีว่าถ้าความเห็นตนไปตรงกับพรรคคู่แข่งจะมีคนไม่พอใจ แต่ขอถามกลับว่าตนจะได้ประโยชน์อะไรกับการช่วยเหลือพรรคคู่แข่ง จึงอยากให้แยกแยะถึงพื้นฐานการแสดงความเห็นว่าเป็นการแสดงความเห็นด้วยความห่วงใยบ้านเมือง ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่จับมือกับพรรคการเมืองคู่แข่ง แต่การถามคำถามพ่วงให้ ส.ว.เลือกข้างทางการเมือง จะทำให้เหมือนที่นายกฯเคยบอกว่าทำหน้าที่เป็นกรรมการเกิดปัญหาในการทำงานเพราะเปลี่ยนจากกรรมการกลายเป็นผู้เลือกข้างแล้ว เพราะตนกลัวเหมือนที่ท่านกลัว กลัวบ้านเมืองวุ่นวายขัดแย้ง ถ้าอนุญาตให้คน 250 คน ที่มีที่มาจากที่เดียวกัน ใช้สิทธิลบล้างความตั้งใจประชาชนทันทีหลังการเลือกตั้ง เชื่อว่าจะทำให้คนที่ไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้งรู้สึกว่าสิทธิในการเลือกตั้งไม่มีความหมาย ทำให้เกิดความวุ่นวายขัดแย้งรุนแรง
“ผมกับท่านกลัวเหมือนกันว่านี่อาจเป็นสิ่งที่ประเทศไทยไม่ต้องการ จะเห็นว่าแม้ผมไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญ แต่ยังไม่ตอบว่าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เพราะห่วงเรื่องความวุ่นวาย ดังนั้น เมื่อเรามีเจตนาเดียวกันและท่านเคยทำงานกับผมน่าจะรู้ว่าผมทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวมหรือไม่ จึงอยากให้เอาเวลาไปต่อสู้กับคนที่คิดไม่ดีกับบ้านเมืองด้วยการช่วยกันขบคิดว่าทางออกควรจะเป็นอย่างไร เพราะถ้าบ้านเมืองวุ่นวายการเมืองและประเทศไทยก็เดินหน้าไม่ได้” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า ขอให้ กรธ.ระบุให้ชัดเจนด้วยว่า หากคำถามพ่วงผ่านการทำประชามติจะกำหนดกรอบในการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดข้อถกเถียงหรือตีความในภายหลัง ส่วนกรณีที่พล.อ.ประยุทธ ระบุว่าเป็นอำนาจของตัวเองในการกำหนดทางออกกรณีร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ โดยไม่ขอบอกล่วงหน้าว่าหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติแล้วประชาชนจะมีทางเลือกอย่างไรนั้น ตนเข้าใจในเรื่องอำนาจ แต่คิดว่าผู้มีอำนาจควรคิดถึงประชาชนเจ้าของประเทศ ไม่มีใครบังคับนายกฯได้ว่าจะบอกอะไรกับประชาชน แต่สิ่งที่ประชาชนควรรู้ ผู้มีอำนาจก็ควรให้ประชาชนรู้ เมื่อจะทำประชามติให้ประชาชนรู้ให้มากที่สุดดีกว่าหรือไม่ เพราะเสียทั้งงบประมาณและกำลังคนเพื่อให้ได้ความมั่นใจว่าประชาชนต้องการอะไร แต่ถ้าต้องไปใช้สิทธิบนความไม่รู้ ความคาดการณ์ ความกลัวหรือความหวังย่อมไม่เป็นผลดี ตนจึงเรียกร้องให้มีการเปิดเผยทุกอย่างให้ได้มากที่สุดเพื่อประโยชน์ของคนทั้งประเทศ
“หากเปิดเผยแล้วจะเสียหายอย่างไร อยากให้นายกฯใจเย็นๆ อากาศร้อนก็ร้อนด้วยกันทุกคน แต่อยากจะเห็นนายกฯ ที่มีภาระหนักมากอยู่แล้วว่าไม่อยากให้เครียด เพราะจะทำให้ประชาชนเครียดไปด้วย ท่านไม่สามารถทำให้ทุกคนเห็นด้วยกับท่านได้ จึงอยากให้แสดงความเข้าใจ เคารพความเห็นสุจริต เอาเวลาไปต่อสู้กับคนที่คิดไม่ดีกับบ้านเมืองดีกว่า ประชาธิปัตย์ไม่ทำตัวเป็นปัญหา แต่พยายามให้ความร่วมมือให้บ้านเมืองผ่านช่วงเวลายากๆ ได้ ปัญหาที่ผ่านมานายกฯก็พูดเองว่าเกิดจากการใช้อำนาจในทางที่ทำให้เกิดปัญหา ดังนั้น นายกฯต้องใช้อำนาจให้เป็นแบบอย่างกับรัฐบาลที่จะมาจากการเลือกตั้ง เพราะถ้ามีการใช้อำนาจกับคนที่เห็นสุจริต วันหน้าจะมีคนอ้างประชาชนแล้วทำแบบนั้นบ้าง บ้านเมืองไม่ยิ่งอยู่ในวังวนของความขัดแย้งหรือ ผมขอให้แยกแยะคนสุจริตและเคารพความเห็นแตกต่าง ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองเดินไปข้างหน้าไม่ได้ โดยคสช.และรัฐบาลไม่ควรทำตัวเป็นคู่ขัดแย้ง” นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่เปิดเผยกรณีร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติจะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จะตื๊อต่อไป ที่ผ่านมาตนไม่เคยเรียกร้องว่าอำนาจต้องอยู่กับนักการเมือง และไม่เคยคัดค้านการตรวจสอบขององค์กรอิสระ แต่บอกว่าคนที่มาจากการเลือกตั้งต้องสามารถผลักดันนโยบายที่เป็นความต้องการของประชาชนที่แสดงออกผ่านการเลือกตั้งได้ อย่าปฏิเสธสิทธิประชาชนและบทบาทของการเมืองที่จะทำสิ่งที่ดีให้ประชาชน และอยากให้เข้าใจว่าการแสดงความเห็นโดยสุจริตจะใช้อำนาจบังคับไม่ได้ ตนแสดงความเห็นบนพื้นฐานความตั้งใจที่สุจริต ถ้าจะดำเนินการกับตนก็พร้อมพิสูจน์ ให้ทรยศอุดมการณ์แล้วไม่พูดความจริงไม่ได้ การคาดคั้นให้ตอบรับหรือไม่รับทันทีทันใดไม่เป็นผลดี ถ้าผู้มีอำนาจมองในมุมแบบนี้จะมีความเข้าใจที่ตรงกันมากขึ้น อย่ามองว่าคนที่เห็นไม่ตรงกับนายกฯคือปฏิปักษ์ แต่ขอให้มองเป็นกัลยาณมิตรบ้าง เพราะนายกฯเองก็มีประชาชนสนับสนุนจำนวนมาก หากใจเย็น ทำอะไรให้รอบด้านมากขึ้นจะเห็นทางออกกว้างขวางกว่านี้
นายอภิสิทธิ์กล่าวด้วยว่า การแสดงจุดยืนของพรรคไม่ได้ชี้นำให้ประชาชนต้องปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งในการออกเสียงประชามติ เพียงแต่แสดงความเห็นและให้ข้อมูลตามหลักการประชามติที่ต้องให้รับรู้ข้อมูลทั้งสองด้าน และเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายแสดงความเห็นได้ภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย ไม่อย่างนั้นกระบวนการประชามติก็จะไม่มีความหมาย เพราะถ้าต้องการให้คนเห็นด้วยอย่างเดียวก็ไม่ต้องทำประชามติ พร้อมกับยืนยันว่า พรรคประชาธิปัตย์ให้เกียรติประชาชนเพราะเราไม่ใช่เจ้าของประชาชน แต่ต้องการให้ประชาชนเป็นเจ้าของพรรคการเมือง แต่ที่แสดงความเห็นเพราะอยากให้มีร่างรัฐธรรมนูญที่ดี ซึ่งจะทำให้ในอนาคตไม่ต้องมาพูดเรื่องรัฐธรรมนูญอีก แต่ถ้านายกฯไม่เห็นด้วยก็อย่ากล่าวหาซึ่งกันและกัน เพราะตนไม่เคยกล่าวหาใคร แต่พูดเนื้อหาสาระเพื่อให้สังคมการเมืองเข้าสู่เรื่องของเนื้อหาสาระนำไปสู่การปฏิรูปอย่างแท้จริงไม่ใช่มุ่งทำลายกัน
