หากติดตามการเคลื่อนไหวของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รวมถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ก็จะมองเห็นภาพเล็กๆที่เข้ามาต่อกัน
และตระหนักถึงความยากลำบากของนักการเมืองและของแต่ละพรรคการเมือง
เนื่องจาก “คสช.”ยังไม่คลาย”ล็อก”
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อยากไปพบปะประชาชนทั้ง 77 จัง หวัดแบบค่ำไหน นอนนั่น ใช้เวลา 80-90 วัน แต่ไม่สามารถทำได้ตามใจปรารถนา
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องอาศัยเทศบาลตำบลเขาพระงาม นายอนุทิน ชาญวีรกูล ต้องอาศัยสมาคมศิษย์เก่า จึงไปลพบุรี จึงไปนครราชสีมาได้
ไม่ต้องนำไปเปรียบเทียบกับการเคลื่อนไหวอย่างคล่องตัวคล่องหัวใจของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ในนาม
“กลุ่มสามมิตร”หรอก
ท่านเหล่านี้ได้รับ”ไฟเขียว”ผ่านตลอดแนว
ไม่ว่าจะกลางรีสอร์ทดัง จังหวัดเลย ไม่ว่าจะคลับเฮาส์ สนาม กอล์ฟดัง จังหวัดปทุมธานี
ถาม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ว่า นี่หรือคือ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” ถาม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่า นี่หรือคือความต้องการ ในตอนที่ไปร่วมเป่านกหวีดกับ”มวลมหาประชาชน”
แทนที่ “การเมือง” จะทำกันอย่างเปิดเผย ไม่ว่า”นโยบาย”หรือการหา”สมาชิก”
กลับต้องทำลับๆล่อๆ กระมิดกระเมี้ยน
การเคลื่อนไหวของ “นักการเมือง” จึงแทบไม่ต่างไปจากคนที่ถูกเพ่งเล็งว่าอาจทำผิดกฎหมาย จึงต้องกลายเป็น “อีแอบ” แฝงร่างกันถ้วนหน้า
หากไม่มีตัวอย่างให้เห็นในระหว่าง “ครม.สัญจร” หากไม่มีตัวอย่างให้เห็นจาก “กลุ่มสามมิตร”
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คงไม่ทอดถอนใจ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล คงไม่ต้องอาศัยสมาคมศิษย์เก่าอัส สัมชัญนครราชสีมา หรือแม้กระทั่ง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็จำใจต้องลักปิดลักเปิด
“ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง”ก็ออกมาในอีหรอบนี้แหละ พี่น้องเอ๊ย
