ไม่ว่าความคิดในการเชื้อเชิญตัวแทน “นปช.” ทั่วประเทศมาประชุมที่อิมแพค เมืองทองธานี จะมาจากสมองก้อนโตของใครใน “กลุ่มสามมิตร”
แต่ถือได้ว่าเป็นความริเริ่มอันมีลักษณะ “สร้างสรรค์” อย่างสูงในด้านการปรองดองสมานฉันท์
เชื่อกันว่าแนวคิดนี้มีความเป็นไปได้
ไม่เพียงเพราะ “กลุ่มสามมิตร” เป็นส่วนหนึ่งของ “พรรคพลังประชารัฐ” หากแต่เพราะว่าแนวทางเช่นนี้สอดรับกับแนวคิดในด้านการปรองดองสมานฉันท์
อันคสช.และรัฐบาลโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เคยขับเคลื่อนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2560
พลันที่ตกถึงมือ “กลุ่มสามมิตร” ย่อมมี “พลานุภาพ”
ถามว่าที่ นายภิรมย์ พลวิเศษ เลขานุการกลุ่มสามมิตรที่ยืนยันว่า “กลุ่มสามมิตรต้องการสื่อให้ประชาชนทั้งประเทศรับทราบว่า จุดยืนของกลุ่มต้องการสร้างความปรองดองของชาติ การเลือกตั้งจะสมบูรณ์แบบไม่ได้หากยังมีความคิดเห็นแตก แยกเป็นหลากสี มีแนวทางแสวงหาจุดร่วมเพื่อให้บ้านเมืองเดินต่อไปด้วยความเรียบร้อยสมานฉันท์”
น่าส่งเสริม น่าสนับสนุนหรือไม่
ยิ่งมีความคิดในแบบนำร่องที่จะจัดให้มีการประชุมใหญ่ระหว่างนปช.กับกลุ่มสามมิตร เริ่มต้น 500 คน เป็นอย่างต่ำ โดยมองไปยังอิมแพค เมืองทองธานี
ยิ่งถือว่าเป็นการนำร่องที่น่าจับตาติดตามอย่างเป็นพิเศษ
เรื่องดีๆแบบนี้ไม่น่าปล่อยให้ “กลุ่มสามมิตร” ที่มี นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข นายจำลอง ครุฑขุนทด นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ เท่านั้นเป็นกำลังสำคัญ
น่าจะส่งเทียบเชิญให้ นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ มาร่วมด้วยซ้ำไป
ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าพรรคชาติไทยพัฒนา
ทุกสายตาล้วนมองไปยัง “กลุ่มสามมิตร”
หาก นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ต่อสายไปยังอีก 1 ส.ที่กบดานอยู่ใน “ทำเนียบรัฐบาล” ได้ ความริเริ่มนี้ย่อมบรรลุตามเป้าหมายแน่นอน
ต่างเฝ้ารอด้วยความระทึกในดวงหทัยเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่