เหมือนกับข่าวที่ว่า “กลุ่มสามมิตร” อาจไม่ประสานเข้าเป็นองค์ประกอบหนึ่งภายใน”พรรคพลังประชารัฐ”จะดำเนินไปในลักษณะเป็นข่าวปล่อย
ในกระสวนแบบ “โยนหินถามทาง”
ขณะเดียวกัน ก็เป็นการ “โยนหินถามทาง” ในเชิงต่อรองสถานะและอำนาจในทางการเมือง
นี่เป็นเรื่องธรรมดาอย่างปรกติยิ่งของ”วิถีแห่งอำนาจ”ไม่ว่าเมื่อ “กลุ่มสามมิตร” อยู่กับพรรคไทยรักไทย ไม่ว่าเมื่อ
“กลุ่มสามมิตร”มาเป็นองคาพยพหนึ่งภายในกระบวนการต่อท่ออำนาจให้กับ “คสช.”
ระดับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ระดับ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ย่อมตระหนักรู้อยู่เป็นอย่างดี
หากใครย้อนกลับไปศึกษาการเมืองในห้วงหลังจากการเลือกตั้ง เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2548 ท่ามกลางการกระหน่ำโจมตีต่อ นาย ทักษิณ ชินวัตร อย่างรอบด้าน
ก็มีข่าว”แว่ว”ผ่านสื่อระดับ”ยักษ์”
ในทำนองว่า อาจมีการผ่องถ่ายอำนาจจาก นายทักษิณ ชิน วัตร ไปให้กับ “รองนายกรัฐมนตรี” คนหนึ่ง
ถึงกับมีการระบุ “นาม” ออกมาอย่างเด่นชัดด้วยซ้ำ
น่าสนใจก็ตรงที่ 1 ในนามอันโดดเด่นนั้นได้รับการยืนยันว่าเป็น 1 ใน 3 ของ “กลุ่มสามมิตร”
และ ณ วันนี้ ก็มีบทบาทเป็นอย่างสูงใน “คสช.”
ไม่ว่าการเคลื่อนไหวผ่าน “กลุ่มสามมิตร” ไม่ว่าการเคลื่อนไหวผ่าน “พรรคพลังประชารัฐ” จึงเป็นหมากกล 1 ของการวางยุทธศาสตร์ทางการเมือง
เพื่อการต่อท่อแห่ง”อำนาจ”เช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในพรรค ไทยรักไทยก่อนถูกรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549
เรียกตามสำนวนทหารก็ต้องว่าเป็น “ยุทธวิธี” เรียกตามสำนวนการตลาดก็ต้องว่าเป็น “กลยุทธ”
แต่ที่สุดก็อยู่ที่”ยุทธศาสตร์”ใหญ่ทางการเมือง
นั่นก็คือ ยุทธศาสตร์ในการต่อท่อเพื่อนำไปสู่การสืบทอดอำนาจ ผ่านกระบวนการของพรรคการเมือง เพียงแต่อยู่ในชื่อใดเท่านั้น
เพราะว่า “แมวไม่ว่าสีอะไรขอให้จับหนูได้ก็ถือว่ายอดเยี่ยม” มิใช่หรือ
