บทนำ : กรณี‘บิลลี่’หายตัว

เมื่อ 4 ปีก่อน วันที่ 17 เมษายน 2557 นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย ต.ห้วยแม่เพรียง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ได้หายไปจากบ้านพักหลังเกิดเหตุ ผู้ใหญ่บ้านบางกลอยได้แจ้งความคนหายที่สถานีตำรวจภูธรแก่งกระจาน พนักงานสอบสวนตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ยอมรับว่าควบคุมตัวนายพอละจี หรือบิลลี่ไว้ เพราะพบว่ามีน้ำผึ้งป่าไว้ในครอบครอง จึงเรียกไปตักเตือน แต่ได้ปล่อยตัวไปแล้ว ภรรยาและญาติของนายพอละจีได้ร้องเรียนขอความเป็นธรรม กระทั่งเกือบ 4 ปีหลังจากเกิดเหตุ กล่าวคือในเดือน มิ.ย.ปี 2561 กรรมการคดีพิเศษ ได้รับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษ

กรณีนายพอละจี เป็นที่สนใจขององค์กรสิทธิต่างประเทศหลายแห่ง ล่าสุด นายคิงสลีย์ แอ๊บบอต ที่ปรึกษากฎหมายอาวุโส โครงการเอเชีย-แปซิฟิก คณะกรรมการนิติศาสตร์สากล หรือไอซีเจ (International Commission of Jurists) เข้าพบ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ เพื่อสอบถามความคืบหน้าของคดี โดยนายคิงสลีย์กล่าวว่า การที่ดีเอสไอรับเรื่องเป็นคดีพิเศษถือเป็นก้าวสำคัญในการที่จะไขความกระจ่างคดีนี้ สาเหตุที่ให้ความสนใจในคดีนี้ เพราะเป็นเรื่องน่าเศร้า คนที่หายตัวไปเป็นกะเหรี่ยง เป็นนักเคลื่อนไหวเรื่องที่ดิน เหตุการณ์ที่เกิดมีความน่าสงสัยหลายประเด็น โดยเฉพาะที่ครอบครัวบิลลี่ตั้งข้อสงสัยว่า อาจมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งอาจเข้าข่ายการบังคับให้สูญหาย จึงอยากเห็นความคืบหน้าในการทำคดีนี้

ก่อนหน้านี้ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ออกแถลงการณ์เนื่องในวาระครบรอบ 4 ปี การหายตัวไปของนายพอละจี เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2557 ระบุว่า ความล้มเหลวในการสอบสวนหาตัวบิลลี่ ไปจนถึงความล่าช้าในการผ่านร่างกฎหมายเอาผิดกับผู้บังคับบุคคลให้สูญหาย แอมเนสตี้ขอเรียกร้องทางการไทยเร่งรัดการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับบุคคลให้สูญหาย ให้สอดคล้องกับพันธกรณีตามกฎหมายของประเทศไทย รวมทั้งอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บุคคลสูญหาย และให้ผ่านเป็นกฎหมายโดยเร็ว สิ่งที่รัฐควรเร่งดำเนินการ คือการหาความจริงและลงโทษผู้กระทำผิด พร้อมกับแก้ไขกฎหมาย ให้ตามแนวทางที่นานาประเทศยอมรับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image