ทันทีที่ฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ที่นำโดย นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ตัดสินใจฟ้อง “จดหมายเปิดผนึก” ของ นายนคร มาฉิม
คดีนี้ก็มิได้เป็นเรื่อง “ส่วนตัว”
ความจริงแล้ว สถานะของ “จดหมาย” อันเขียนโดย นายนคร มาฉิม ใช้คำว่า “เปิดผนึก” ความหมายของจดหมายก็มีลักษณะเป็น “สาธารณะ” ขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
จึงได้กลายเป็น “ข่าว” ทั้งสื่อหนังสือพิมพ์ สื่อโทรทัศน์และสื่อออนไลน์
อย่างที่เรียกกันว่า “ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์”
การนำคดีขึ้นสู่ศาลสถิตยุติธรรมยิ่งทำให้กรณีระหว่าง นายนคร มาฉิม กับพรรคประชาธิปัตย์กลายเป็นเรื่องของสังคม
เพราะ “รัฐประหาร” มิได้เป็นเรื่อง”ส่วนตัว”
ก่อนหน้านี้เคยมีกลุ่มและบุคคลดำเนินการฟ้องร้องต่อรัฐประหารโดยเฉพาะเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 มาแล้ว แต่ศาลไม่รับฟ้อง
เพราะว่าคณะรัฐประหารได้ดำเนินการนิรโทษกรรมให้กับตนเอง
แต่กรณีที่หากว่าพรรคประชาธิปัตย์ฟ้อง นายนคร มาฉิม อันเนื่องแต่รายละเอียดที่ปรากฏผ่าน “จดหมายเปิดผนึก” ถือว่าเป็นความเสียหายต่อพรรคประชาธิปัตย์
และ นายนคร มาฉิม ในฐานะที่เป็นจำเลยก็มีสิทธิอันชอบธรรมที่จะปกป้องตนเองโดยการพิสูจน์บทบาทของพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะเป็น 1 ใน”ผู้สมคบคิด”
จากก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 มายังก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
กล่าวสำหรับ นายนคร มาฉิม เมื่อตัดสินใจทำ “จดหมายเปิดผนึก” 1 อธิบายการที่ตนเข้าไปมีส่วนร่วมในการปูทางและสร้างเงื่อนไขให้เกิดการรัฐประหาร
1 กล่าวคำขอโทษต่ออดีตนายกรัฐมนตรี คือ นายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ย่อมมีความพร้อมอย่างเต็มเปี่ยมทั้งในทาง “ความคิด” ทั้งในทาง “การเมือง” ที่จะไปอยู่ในสถานะอันเป็นจำเลย
ทำให้คดีนี้เป็นรูปแบบ 1 ในการต่อสู้ในทาง”ความคิด” ทำให้คดีนี้เป็นรูปแบบ 1 ในการต่อสู้ในทาง “การเมือง”
ทำให้ “แผนสมคบคิด” ฟื้นขึ้นมาอีกอย่างคึกคัก มีชีวิตชีวา