“สุดท้ายพวกเราจึงปรึกษากันว่าคงจะต้องให้ทหารยึดอำนาจอีก และเพื่อตอกฝาโลง ก็ใช้กระบวนการยุติธรรมในมือตัดสินเอาผิดอีก ท่านกับน้องสาวจะต้องไม่อยู่ในประเทศ เพราะถ้าท่านอยู่พวกเราคงจะไม่ได้มีโอกาสชนะและกลับมาครองอำนาจเป็นแน่ พวกท่านอยู่ต่างประเทศคงจะสบายดีนะ พวกเราขอแช่แข็งประเทศสัก 5-20 ปีก่อนจนกว่าจะมั่นใจได้ว่าพวกเราจะบริหารจัดการอำนาจและปกครองแบบเบ็ดเสร็จ” คือบางประโยคที่ นคร มาฉิม เขียนใน “เฟซบุ๊ก” ของเขา หลังจากสาธยายหลังจากเล่าว่า “พวกเราตื่นตระหนกกันมาก”
เป็น “ตื่นตระหนก” ของพวกเราที่ระดมสรรพกำลัง ทุกเครือข่าย และสารพัดวิชาแล้ว สารพัดอำนาจแล้วยังพ่ายแพ้การเลือกตั้ง พ่ายแพ้อย่างไม่มีหนทางชนะ
เรื่องราวที่ “นคร มาฉิม” เอาออกมาเปิดกำลังเป็นคดีที่ต้องไปพิสูจน์กันในศาล ว่าขบวนการสมคบกันเพื่อไล่ล้าง “รัฐบาลที่ประชาชนลือก” มีจริงหรือไม่
การพิสูจน์ในเรื่องใหญ่ระดับเสี่ยงต่อการถูกกล่าวหาว่า “ทรยศประชาชน” นี้ แต่ละฝ่ายคงถูกสถานการณ์บังคับให้หาหลักฐานมายืนยัน
และกระบวนการหาหลักฐานนั้น น่าจะเป็นการชำระประวัติศาสตร์การเมืองยุคใหม่ครั้งสำคัญ
ประเด็นสำคัญอยู่ที่ความเป็นไปทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา เป็นไปตามเหตุปัจจัยบีบคั้นบังคับ หรือเกิดจากการวางแผนล่วงหน้า มีเป้าหมายชัดเจนและช่วยกันสร้างปัจจัยให้เป็นเงื่อนไขไปสู่เป้าหมายนั้น
ด้วยเรื่องราวเหล่านี้ เป็นเรื่องชวนให้สงสัยใคร่รู้อย่างยิ่ง เมื่อสถานการณ์บังคับให้คนวงในต้องออกมาเปิดเผยข้อมูล จึงชวนน่าตื่นตาตื่นใจยิ่ง
ยิ่งหากลงไปในรายละเอียดถ้อยความของ นคร มาฉิม ที่มี “แช่แข็งประเทศสัก 5-20 ปี” อยู่ด้วย ยิ่งกระตุ้นให้ความน่าสนใจยิ่งขึ้น
“แช่แข็งประเทศ” ไม่ใช่คำพูดใหม่
ในแวดวงผู้ติดตามการเมืองย่อมทราบกันดีว่าคนที่นำ “ความคิดแช่แข็งประเทศ” มาเปิดเผยก่อนหน้านั้น คือตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2555 คือ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือที่เรียกกันในแวดวงว่า “เสธ.อ้าย”
ก่อนที่จะมีการจัดการกับ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” อย่างถอนรากถอนโคน และนำสู่การรัฐประหาร เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
ความหมายของ “แช่แข็งประเทศไทย” ที่ประกาศเจตนารมณ์โดย “เสธ.อ้าย” กับกระบวนการที่เปิดเผยโดย นคร มาฉิม เกี่ยวข้องเป็นเรื่องเดียวกันหรือไม่
เป็นเรื่องที่กระบวนการหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความเป็นจริงในคดีที่ นคร มาฉิม เป็นจำเลยจะเป็นคำตอบให้
“รัฐบาลที่ประชาชนเลือกมา” ทำไมอยู่ไม่ได้ การแพ้เลือกตั้งอย่างซ้ำซาก แต่ทำไมจึงได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายอำนาจอย่างเข้มข้น
คำตอบในเรื่องราวที่เกี่ยวกับ “ยุทธการแช่แข็งประเทศ” นี้จะเป็นประโยชน์อย่างสูงยิ่งต่อการเรียนรู้ระบบคิดในเรื่องโครงสร้างอำนาจของประเทศ
เป็นความรู้ที่ “คนไทย” โดยเฉพาะที่จะต้องเติบโต และเป็นอยู่ในอนาคต จำเป็นต้องรับรู้
รับรู้แล้วจะจัดการอย่างไร
ย่อมหมายถึงอนาคตของผู้ที่เป็นอนาคตของชาติเหล่านั้น
การ์ตอง
