“วิษณุ” เผย “นายกฯ” สั่งเคลียร์ขรก.เอี่ยวทุจริตล็อต 1-2-3 ที่สอบสวนค้างอยู่ให้เสร็จโดยเร็ว

แฟ้มภาพ

เมื่อวันที่ 16 เมษายน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีได้กำชับเรื่องการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น ว่า เรื่องนี้มีปัญหาค้างเก่าอยู่จำนวนมาก โดยที่ผ่านมานายกฯก็ได้ใช้มาตรา 44 สั่งลงโทษพักงานไปแล้วหลายกรณีและให้ดำเนินการสอบสวนไปพร้อมกันด้วย เพื่อจะต้องรับจัดการปัญหาให้กับบุคลเหล่านั้นเพื่อให้เขา ได้กลับไปทำงานไม่ให้เยประโยชน์ เพราะบางคนก็ใกล้จะเกษียณอายุราชการแล้ว แต่ถ้าผิดก็ต้องถูกลงโทษทางวินัย

นายวิษณุ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม มีหลายส่วนราชการที่อยู่ในข่ายพักราชการแล้วสอบสวนนั้น ได้พบว่ามีอะไรที่พิลึก พิลั่นเกินกว่าที่เรารู้มากมายนัก เช่น มีบางส่วนราชการรายงานมาว่ามีการซื้อสิ่งของตามอำนาจจัดซื้อจัดจ้าง โดยปกติแต่แทนที่จะซื้อในจำนวนที่ใช้ประโยชน์ในราชการแต่ก็ซื้อเกินจำนวน และจนป่านนี้ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าซื้อเกินไปทำไม ทำให้สูญเสียงบประมาณไปหลายสิบ หลายร้อยล้านอย่างเมื่อเร็วๆนี้ตรวจสอบพบ กำลังคิดว่าจะนำสิ่งของเหล่านั้นเอาออกมาเลหลัง ซึ่งในไมช้านี้ก็คงจะมีการออกข่าว โดยรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงจะให้ข่าวในเร็วๆนี้ โดยหน่วยงานที่ถูกตรวจสอบพบนั้นอยู่ในส่วนกลาง ซึ่งตนรู้สึกตกใจมากเมื่อได้ทราบเรื่องดังกล่าว

นายวิษณุ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของรายชื่อข้าราชการ 3 ล็อตแรกนั้น ก็พบว่า มีความผิดบ้างหรือบางรายก็พ้นผิดซึ่งในรายที่ผิดก็ให้ดำเนินการลงโทษ เพราะการพักงานเขาอยู่อย่างนี้ก็เป็นบาปกรรม นายกฯสั่งว่า ให้เคลียร์แล้วถ้าไม่ผิดก็ให้บอกมาจะได้ให้เขาคืนหลับไปให้หมด แต่ถ้าผิดก็ขอให้เดินหน้าตรวจสอบให้เต็มที่ เช่น กรณีที่ยกตัวอย่างว่าสั่งซื้อเกินความจำเป็นหลายแสน หลายล้านชิ้น เป็นเสื้อผ้า โกงกันแปลกๆ โกงสอบก็มีเป็นการทุจริตในการสอบ อย่างไรก็ตามส่วนการพิจารณารายชื่อข้าราชการล็อต 4 นั้น ทางศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.)ยังไม่ส่งรายชื่อมาให้พิจารณาแต่อย่างใด

“บางคนที่ถูกพักงานจนกระทั่งครบวาระแล้วนั้น อย่างนี้นายกฯรู้สึกเห็นใจ ซึ่งก็มีส่วนใหญ่เป็นพวกท้องถิ่น แต่คงจะไม่มีการเยียวยาใดๆ ถือเป็นเวรเป็นกรรม ซึ่งขอให้รับรายงานมาเพื่อที่จะได้ให้คืนหลับมาโดยเร็ว หน่วยงานที่กล่าวหาตอนแรกจะต้องเป็นคนเคลียร์ให้เขา เมื่อสอบแล้วพบว่าไม่ผิด เมื่อไม่กี่วันก่อนมีคนหอบหลักฐานมาพบผมเพื่อชี้แจงว่าตัวเองไม่ผิด ผมจึงโทรศัพท์ไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ปปท.) ซึ่งปปท.ก็บอกว่าข้อหานั้นไม่ผิด แต่ข้อหาอื่นยังอยู่ มีแบบนี้ เพราะฉะนั้นคนหนึ่งโดนหลายเรื่อง จึงเป็นอย่างนี้ หรือถ้ามองอีกแง่หนึ่งก็คือต้นสังกัดสอบสวนช่วยเขา ดังนั้น เราต้องยึดองค์กรตรวจสอบเป็นหลัก” นายวิษณุ กล่าว

Advertisement

นายวิษณุ กล่าวอีกว่า สำหรับการปลดล็อคนั้น จะเป็นการปลดล็อคให้ทีละคน แต่ขอให้รวบรวมจำนวนให้ได้จำนวนหนึ่งเสียก่อน เพื่อที่จะประกาศในมาตรา 44 เพราะในเมื่อประกาศลงโทษโดยมาตรา 44 ก็ต้องปลดล็อคโดยมาตรา 44 ด้วยเช่นกัน นายกฯได้สั่งการมาที่ตนเมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา แล้ว ตนจึงประสานงานไปยังปลัดกระทรวงต่างๆ เพื่อสอบถามว่ายังดำเนินการสอบสวนรายชื่อนั้นๆหรือไม่ และถ้าสอบสวนเสร็จแล้วให้รายงานกลับมาด้วยว่า เขาไม่ผิดไม่ใช่แค่แจ้งไปที่เข้าตัวแต่จะต้องแจ้งมาที่ แต่ต้องแจ้งมาที่ส่วนกลางด้วย เพื่อได้รวบรวมแล้วออกมาตรา 44 ให้ปลดล็อค เพราะหายเงียบกันไปนานแล้วจะได้รู้ว่าตนสังกัดยังสอบสวนอยู่หรือไม่ หรือถ้าสอบสวนเสร็จแล้วเคลียร์แล้ว เขาไม่ผิดก็จะได้คืนความเป็นธรรมให้ หรือถ้าสอบสวนแล้วเขาผิดก็จะได้ลงโทษ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image