‘นิกร’ เห็นใจ กกต.ตกอยู่ในภาวะลำบาก เชื่อ ‘สามมิตร’ เดินสายผิดคำสั่งคสช.ที่ 7/2557

“นิกร” เห็นใจ กกต.ตกอยู่ในภาวะลำบาก เชื่อ “สามมิตร” เดินสายผิดคำสั่งคสช.7/2557 แนะอย่าลักลั่นรอคลายล็อกจะได้เสมอกัน หนุน กกต.ขอใช้ ม.44 แบ่งเขตเลือกตั้ง-ฟังความเห็น เชื่อหากไม่มีผู้ตรวจการเลือกตั้งทำหน้าที่ ลต.ยืดเยื้อแน่

เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะตรวจสอบกรณีกลุ่มการเมือง เช่นกลุ่มสามมิตร หรือพรรคการเมืองที่เดินสายพบปะประชาชนในพื้นที่ต่างๆ เป็นการกระทำนั้นผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 หรือไม่ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นหน้าที่ของ กกต. แต่ก็เหมือน กกต.ตกเป็นหนังหน้าไฟ จะไม่ทำอะไรเลยก็ไม่ได้ อย่างไรก็ตามจะต้องมองข้อกฎหมายเรื่องนี้เป็นสองอย่าง สำหรับกฎหมายพรรคการเมือง กลุ่มการเมืองที่ยังไม่เป็นพรรคการเมืองอาจจะไม่ผิด แต่ถ้าเป็นพรรคการเมืองคงมีปัญหา แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็มีปัญหา คือขัดต่อคำสั่ง คสช.ที่ 7/2557 ที่สั่งไม่ให้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองใดๆ เกิน 5 คน ในขณะที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เคยระบุว่าการไปทาบทามสมาชิกนั้นถือว่าไม่เป็นไร ซึ่งเรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและตีความยาก จึงกลายเป็นว่า กกต.เป็นหนังหน้าไฟไป ตกอยู่ในสภาวะที่อยู่ยาก ไม่ทำอะไรก็ไม่ได้ ทำก็อาจจะมีปัญหาได้ แล้วยังอยู่ในช่วงท้ายที่กำลังจะหมดวาระ ก็น่าเห็นใจ

“เพราะถ้า กกต.ไม่ทำอะไรเลยปัญหาก็จะไหลไปที่ คสช. ผมมองว่าเป็นการปรามมากกว่า แต่ถ้ายังฝืนทำกันต่อไปจะเป็นปัญหาทั้งองค์รวมในอนาคต ไม่เป็นผลดีแก่ทุกฝ่าย ดังนั้นอีกไม่กี่วันก็จะได้คลายล็อกกันแล้ว เพื่อให้ไปต่อกันได้ ดังนั้นผมคิดว่าก็น่าจะเบาๆ ลงกันหน่อยก็ดีเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นกลายเป็นว่าอีกข้างทำได้ อีกข้างทำไม่ได้ มันจะลักลั่นกัน คงไม่ดีต่อทุกๆ คน รอให้เขาคลายล็อกแล้วทุกๆ คนก็ดำเนินการกันไปอย่างเสมอกัน” นายนิกรกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ กกต.ต้องการขอใช้มาตรา 44 แบ่งเขตเลือกตั้ง นายนิกรกล่าวว่า ขณะนี้เรื่องการกำหนดเขตเลือกตั้งนั้นเป็นปัญหา เนื่องจากไปผูกกันหมดทั้งเขตเลือกตั้ง เรื่องตัวแทนประจำจังหวัด หากไม่มีเขตเลือกตั้งจะเริ่มทำอะไรไม่ได้ เพราะผูกกับ 2 เรื่องคือต้องมีกฤษฎีกา และในการทำจะต้องให้ประชาชนหรือพรรคการเมืองให้ความเห็น แต่ถ้าให้ความเห็นก็จะกลายเป็นกิจกรรมทางการเมืองซึ่งจะขัดกับคำสั่ง คสช. ดังนั้น หากไม่ใช้มาตรา 44 กกต.ก็จะไม่มีสิทธิทำอะไรได้ ทั้งนี้ ผู้รับฟังความเห็นในระดับจังหวัดคือผู้ตรวจการเลือกตั้ง ซึ่งถ้าไม่มีตรงนี้ตรงนั้นก็ทำไม่ได้ เพราะ กกต.ส่วนกลางลงไปทำก็ไม่ได้ จึงเป็นเหตุให้ กกต. ต้องไปตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้งขึ้นมาก่อน เพื่อรอดำเนินการเรื่องนี้ ดังนั้นจุดนี้อาจจะทำให้การเลือกตั้งมีปัญหายืดเยื้อออกไป

Advertisement

“ส่วนเรื่องการเสนอแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต.ในส่วนผู้ตรวจการเลือกตั้งนั้น เขาอาจคิดกันว่าเป็นเรื่องง่ายแต่ในความจริงนั้นเป็นเรื่องยาก เพราะเป็นการแก้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ แล้วที่พูดกันว่าไม่กระทบการเลือกตั้งนั้นจะไม่กระทบได้อย่างไรต้องกระทบแน่นอน กระทบโดยตรงและกระทบต่อผู้มีอำนาจอยู่ในขณะนี้คือพุ่งไปหา คสช. ผมถึงได้บอกว่ามันจะเสียไม่คุ้มได้ เรื่องเหล่านี้เป็นประเด็นผูกโยงกันไปหมด” นายนิกรกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image