เมื่อวันที่ 17 เมษายน นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่สอง กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของ สนช. ในการลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชนเรื่องคำถามพ่วงประชามติ ว่า ในการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญ กิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิปสนช.) วันที่ 19 เมษายนนี้ จะหารือเรื่องการลงพื้นที่ไปทำความเข้าใจกับประชาชนเรื่องคำถามพ่วงประชามติ เนื่องจากคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) มองว่า คำถามพ่วงดังกล่าวย้อนแย้งกับตัวเนื้อหารัฐธรรมนูญ จึงเป็นไปได้ที่ประชาชนอาจจะเข้าใจสับสน เพราะตั้งคำถามขัดกับร่างรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อ สนช.ตั้งคำถามขึ้นมาแล้ว ก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ โดยการอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ เพื่อให้การทำประชามติเดินหน้าไปได้ คงต้องไปใช้ภาษาง่ายๆ อธิบายคำถามพ่วงให้ประชาชนเข้าใจว่า คือการให้ ส.ว.มีสิทธิโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีร่วมกับ ส.ส. แต่ต้องอยู่ภายใต้บัญชีรายชื่อตามที่พรรคการเมืองเสนอมา ไม่สามารถเลือกนายกฯที่อยู่นอกบัญชีของพรรคการเมืองได้
นายพีระศักดิ์กล่าวต่อว่า ส่วนที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เสนอทางเลือกให้นำรัฐธรรมนูญปี 2540 ปี 2550 ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และร่างรัฐธรรมนูญของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. มาผสมกัน หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามตินั้น มองว่า ถ้าเอารัฐธรรมนูญทุกฉบับมายำรวมกันคงเหนื่อยแน่ เพราะที่มาและบริบทของแต่ละฉบับแตกต่างกัน ถ้าเอามารวมกันคงยุ่งแน่ ส่วนตัวอยากให้นำรัฐธรรมนูญที่เคยผ่านประชามติจากประชาชนคือรัฐธรรมนูญปี 2550 มาใช้ และใส่บทเฉพาะกาลเพิ่มเติมเข้าไป แม้ คสช.จะเป็นผู้ฉีกรัฐธรรมนูญปี 2550 แต่ไม่มีทางออกที่ดีกว่านี้ เพราะรัฐธรรมนูญปี 2550 ถือเป็นฉบับที่ได้รับการยอมรับจากประชาชน เพราะได้รับความเห็นชอบในการทำประชามติมาแล้ว
