ปัญหาหนึ่ง ซึ่งคสช.และรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประสบอยู่ในขณะนี้เป็นปัญหาในเรื่องความเชื่อมั่น
เริ่มจากโรดแมป “การเลือกตั้ง”
เหตุใดที่เมื่อกกต.ประกาศ “ตุ๊กตา” ว่าหากพรป.ว่าด้วยการ เลือกตั้งส.ส.ประกาศและบังคับใช้กลางเดือนกันยายน ก็น่าจะเลือกตั้งได้ภายในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562
ผู้คนจึงไม่เชื่อ
ทั้งที่ “ตุ๊กตา”ก็เป็นอย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยยืน ยันเมื่อเดินทางไปเยือนสหราชอาณาจักร
เพียงแต่แจ่มชัดขึ้นในเรื่องของวันเดือนปีเท่านั้น
เท่ากับสะท้อนให้เห็นว่าความเชื่อมั่นต่อคสช.และต่อรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังเป็นปัญหา
ต่อปมว่าด้วย”เลือกตั้ง”ที่ประชาชนขาดความเชื่อมั่นต่อคสช.และต่อรัฐบาลปัจจัย 1 เพราะคสช.และรัฐบาลเลื่อนมาแล้วหลายครั้ง
พฤติกรรมของคสช.และของรัฐบาลนั่นเองคือรากฐาน
ประชาชนเห็นการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับ นายบวรศักดิ์ อุวรรโณ เมื่อเดือนกันยายน 2558 อันนำไปสู่บทสรุปที่ว่า
“เขาอยากอยู่ยาว”
และจากเดือนกันยายน 2558 อันส่งผลให้ต้องเลื่อน “ปฏิญญาโตเกียว” นำไปสู่ “ปฏิญญานิวยอร์ค” นำไปสู่ “ปฏิญญา ทำเนียบขาว”ที่ว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน 2561
แต่แล้วโรดแมป “เลือกตั้ง” ก็กลายมาเป็นภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2562
ยิ่งเมื่อกกต.กำหนดวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 ไม่กี่ชั่วโมง
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมน ตรี ได้ออกมาติงว่า เป็นคำประกาศในทาง”ทฤษฎี”
ก็ยิ่งทำให้ขาด “ความเชื่อมั่น”ขึ้นเป็นทวีคูณ
นอกเหนือจากความไม่เชื่อมั่นว่าจะมีการเลือกตั้งภายในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 แล้ว
อีกตัวอย่างหนึ่ง คือ ระบบไพรมารี โหวต
ท่าทีของคสช. ท่าทีของรัฐบาล ก่อให้เกิดความไม่เชื่อมั่นว่าจะเอาจริงเอาจังในเรื่องนี้แม้จะบัญญัติไว้ในพรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 ก็ตาม
หาก “ไพรมารี” ก็แปรเปลี่ยน ความเชื่อมั่นก็จะยิ่งทรุดต่ำลง
