“มาร์ค” ชี้ ให้ กกต.ปลดล็อกพรรคการเมืองแบ่งเขตลต.ได้ ก็ไม่ต้องแก้ไขปมไพรมารี่ เชื่อพรรคการเมืองพร้อมปูทางสู่เลือกตั้งราบรื่น
เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ว่า ถ้าเดินตามกรอบของกฎหมายแล้ว เมื่อคำนวนดูการเลือกตั้งก็น่าจะมีขึ้นประมาณระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ – พฤษภาคม ซึ่งไปตามกระบวนการตามธรรมชาติของมัน แต่สิ่งที่ไม่เป็นธรรมชาติอยู่ในขณะนี้ก็คือ การที่พรรคการเมืองไม่สามารถดำเนินการตามเงื่อนไขของกฎหมายต่างๆ เพื่อปูทางไปสู่การเลือกตั้งได้ และยังจะที่ความไม่ชัดเจนมันเลยเพิ่มขึ้นมาอีก ก็เพราะจากความไม่เป็นธรรมชาติตรงนี้ ทำให้รัฐบาลไปนั่งคิดอยู่ว่าจะต้องมาแก้ระบบอย่างไร ทำให้เพิ่มความไม่แน่นอนเข้าไปอีก ยกตัวอย่างเช่น ที่ผ่านมาพรรคการเมืองอย่างพรรค ปชป. หรือพรรคอื่นๆ รวมทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เขาก็ต้องทำงานบนสมมติฐานว่า กฎหมายที่รัฐบาลยุคปัจจุบันออกมาผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ว่าจะทำไพรมารีอย่างไร เขาก็เตรียมการทำอย่างนั้น
“แต่วันนี้ความที่ไม่ได้มีการปลดล็อก รัฐบาลก็กำลังจะคิดเอาเอง คสช. ก็กำลังไปคิดเอาเองว่า จะต้องแก้ไพรมารีอย่างไร แล้วก็ไม่ได้บอกให้ใครรู้ ผมก็สันนิษฐานว่าเดี๋ยวจะแก้กฎหมายอีกแล้ว แล้วผมก็ต้องมานั่งเปลี่ยนแผนว่า ที่ตั้งใจจะปฏิบัติตามกฎหมายนี้ ก็คงจะต้องเปลี่ยนอีกว่าจะปฏิบัติตามกฎหมายที่แก้อีกแล้วนี้อย่างไร จริงๆ แล้วการปูทางเพื่อให้เกิดความราบรื่นที่สุดล็อกที่ต้องปลดก่อนคือ การทำอย่างไรให้ กกต. สามารถเร่งแบ่งเขตเลือกตั้งได้ เพราะว่า การแบ่งเขตเลือกตั้งจะเป็นตัวบ่งบอกว่าการเตรียมการสำหรับไพรมารี การที่จะต้องไปหาสมาชิกเพื่อจะมาทำไพรมารี การที่จะมีสาขาพรรคที่จะมาจัดการเรื่องไพรมารี จะจัดให้ลงล็อกกับพื้นที่ที่แบ่งเป็นเขตเลือกตั้งอย่างไร เพราะฉะนั้นสิ่งแรกถ้าอยากจะแก้ ให้แก้ตรง คือถ้ายังไม่ยอมที่จะคลายล็อกให้พรรคการเมืองดำเนินการตามกฎหมายได้ สิ่งแรกที่ต้องทำคือ เร่งให้มีความชัดเจนเรื่องเขตการเลือกตั้ง อย่างอื่นถ้าตรงนี้ชัดเจนแล้ว คลายล็อกแล้ว ผมก็ยืนยันว่าปฏิบัติกันได้” หัวหน้า ปชป.กล่าว
เมื่อถามว่า ทำไมคสช.ถึงยังไม่คลายล็อกเสียที นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลก็ไปพูดเอาเองว่าต้องไปผูกกับการที่กฎหมายเลือกตั้งจะประกาศใช้ เพราะบังคับใช้นั้น 90 วันหลังจากประกาศใช้ ซึ่งตนก็ได้ชี้ไปแล้วว่ามันคนละเรื่องกัน แต่เมื่อรัฐบาลไปผูกเอาไว้ ก็จะผูกไว้อย่างนี้เรื่อยๆ ตนก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเหตุผล ตรรกะคืออะไร เพราะว่าสิ่งที่เราต้องทำนั้นเป็นตามกฎหมายพรรคการเมืองซึ่งออกมาแล้ว ไม่ได้เกี่ยวกับกฎหมายเลือกตั้งนี่ จึงต้องว่าเขากลัวอะไร ตนยืนยันว่านักการเมือง กลุ่มการเมือง พรรคการเมืองใครก่อความวุ่นวาย มีผลกระทบต่อความมั่นคง ท่านก็ใช้กฎหมายอื่น รวมทั้งอำนาจมาตรา 44 จัดการได้ ไม่ได้เกี่ยวกับว่าพรรคจะประชุมใหญ่ได้หรือไม่ และไม่ได้เกี่ยวกับว่าจะให้ประชาชนเขามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองได้หรือไม่ และตอนนี้สื่อก็เริ่มจี้นายกฯ ว่าจะใช้อำนาจมาตรา 44 ในการแก้ไขการทำไพรมารีโหวตหรือไม่ด้วยเช่นกัน ดังนั้นถ้าปล่อยให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ มีการแบ่งเขตเลือกตั้งรวดเร็วพอสมควร ก็ไม่ต้องไปแก้เรื่องไพรมารี