เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 24 สิงหาคม ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิร์ด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประจำปี 2561 จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง พร้อมมอบนโยบายว่า รัฐวิสาหกิจมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ โดยทุกภาคส่วนต้องร่วมกันทำงานแบบประชารัฐ รัฐวิสาหกิจจะต้องช่วยกันวางแผน เพื่อผู้มีรายได้น้อย เพื่อความเท่าเทียม ต้องมีกรอบการทำงานที่ยืดหยุ่ดได้ โดยต้องให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์ พัฒนาคน วันนี้รัฐบาลกำลังตอกเสาเข็มให้ประเทศ เพราะมีคนต้องการเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้จำนวนมาก ดังนั้น จึงต้องวางแผนเพื่อทุกคน เพื่อ 70 ล้านคน เรากำลังเดินหน้าสู่ประชาธิปไตย พร้อมวางยุทธศาสตร์ 20 ปี เพื่ออนาคต ไม่ให้ทุกอย่างกลับมาเลอะเทอะเหมือนเดิม เพราะประเทศมีหลายปัญหาที่จะต้องแก้ไข
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลมีหน้าที่ดูแลคนทุกอาชีพ เรามีกลไกตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลหน้า ไม่ใช่ไม่ไว้วางใจ แต่ต้องเข้าใจว่า การดำเนินนโยบายบางอย่าง จะกระทบวินัยการคลัง เชื่อว่าทุกคนทำหน้าที่ดีอยู่แล้ว แต่ขอให้ดีกว่านี้ การทำทุกอย่าง ต้องคำนึงถึงวินัยการคลัง โดยรัฐบาลได้ออก พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง เพื่อให้ทุกอย่างอยู่ในกรอบ ทุกอย่างต้องโปร่งใส นโยบายต้องดูความต้องการของประเทศ ทั้งนี้ เข้ามา 4 ปี พบว่าเราติดปัญหามาก แก้ไม่ทันใจพี่น้องประชาชน แม้คนจะดูถูกว่าเราจะไป 4.0 ได้อย่างไร เพราะวันนี้ยัง 0.4 คนพูดอย่างนี้ไม่มีประโยชน์อะไรเลย จึงต้องช่วยกันสร้างความเข้าใจ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราต้องไม่ป้อนสารพิษให้ประเทศเรื่อยๆ เพราะการให้เพียงบางกลุ่ม ประเทศจะไปไม่ได้ จึงต้องสร้างความเท่าเทียมในการเข้าถึงโอกาส ยืนยันว่าใช้ความบริสุทธิ์ใจในการบริหารงาน แม้ไม่เก่งทุกด้าน แต่ก็หาความรู้เพิ่มเติม เช่น จากการอ่านหนังสือ ทุกคนต้องช่วยรัฐบาล ตนได้ตรวจสอบอยู่แล้วว่า แต่ละหน่วยงานใช้เงินกู้ไปเท่าไหร่ โดยต้องไม่กู้เกินกรอบกฎหมาย ทั้งนี้ อยากให้ทุกหน่วยใช้งบประมาณที่มีอยู่ เพราะถ้าหากมาของบกลาง รัฐบาลก็จะไม่มีเงินให้
“ปีหน้าผมไม่รู้จะได้พูดอยู่หรือเปล่า คงไม่ได้พูดแล้ว เพราะมีเป็นรัฐบาลใหม่แล้ว รัฐวิสาหกิจต้องทำวันนี้ให้สำเร็จ เพราะถ้าไม่ทำวันนี้ วันหน้าก็เหมือนเดิม ประชาชนก็ไม่ชอบ ก็จะเกลียดชังท่าน ไม่ไว้ใจซักอัน และเขาพร้อมจะขุดคุ้ยในโซเชียลมีเดีย แก้ตัวไม่ได้ เพราะใครพูดก่อน คนก็จะเชื่อก่อน เราจะชี้แจงยังไง เขาก็ไม่เชื่อ ปล่อยให้เขาพูดไปเรื่อยๆ ก็จะเหมือนความจริงไปแล้ว ข่าวออกก่อน ก็เชื่อไปแล้วครึ่งหนึ่ง ขอให้ชี้แจง อย่าแก้ตัว”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การมอบนโยบายครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยอารมณ์ดุดัน เสียงดัง โดยกล่าวช่วงหนึ่งว่า “ผมก็เสียงดังอย่างนี้ แต่นี่คืออารมณ์ปกติ เพราะถ้าโมโหก็เรื่องหนึ่ง อยู่กับทหารก็อีกแบบหนึ่ง แต่ผมก็ประคับประคองจิตใจมากที่สุดแล้ว ฉะนั้นผมไม่อดทนกับการมายั่วยุอารมณ์ของผม ผมไม่ได้มานั่งเข้มงวด หรือเป็นนายกฯต้องพูดจาไพเราะ แล้วมันทำอะไรไหมล่ะ พูดแต่ครับๆ ดีๆ หรือบอกจะทำนี่โน่นให้ แล้วทำไมล่ะ”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงนักการเมือง “ที่พูดทั้งหมดตอนหาเสียง คอยดูแล้วกัน ทำอะไร ทำได้ไหมยังไม่รู้ จะสร้างอะไร จะให้อะไรคน มันทำไม่ได้ถ้าไม่มีงบประมาณ วันหน้าท่านจะถูกกำกับดูแลและติดตามโดยคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ไม่ได้จับผิด แต่ดูว่าอยู่ในแผนหรือเปล่า ถ้าอยู่ในแผนก็ทำไป แต่ถ้านอกแผนต้องมีเหตุผล ไม่ใช่ก้าวล่วงอำนาจบริหาร”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขอโทษผู้ร่วมงานที่ไม่ได้อยู่รับประทานอาหารด้วย ว่า ขอเวลาให้ได้อยู่กับครอบครัวหน่อย ให้ได้ทานข้าวที่บ้านนิดนึง เพราะตื่นมาตอนเช้า ก็ไม่ค่อยได้เจอใคร ภริยาและลูกก็ไปทำงาน ตนก็นั่งอยู่คนเดียว จนได้เวลานั่งรถมาทำงาน จึงขอเวลาอยู่กับครอบครัวบ้าง อย่าหาว่าถือตัว หรือเป็นเผด็จการ เลยไม่ยอมกินข้าวกับเรา ไม่ใช่อย่างนั้น หัวใจผมให้ท่านทั้งหมดอยู่แล้ว ให้กับคนทั้งประเทศ
“ถ้าผมไม่ใช่คนแบบที่ผมพูด ผมคงพูดกับแบบนี้กับท่านไม่ได้ คงต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัว เก็บไอ้นี่ขยิบตาสายตาขวา ผมไม่มี ผมมองคนทุกคนได้ทั้งโลก เพราะผมไม่มีผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น ผมรู้สถานการณ์ของผมดี ว่าเข้ามาเพื่ออะไร จึงอยากฝากทุกคนให้ช่วยกันทำอย่างที่ผมทำ ถึงไม่มีใครรู้ โลกก็รู้เอง ไม่มีใครรู้ ก็มีตัวเรารู้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
