เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่รัฐบาลจะคลายล็อกโดยไม่ปลดล็อกก็ดี การให้เวลาหาเสียงเพียงเวลา 20 วันก็ดี เห็นเจตนาชัดเจนว่า ต้องการปิดประตูตีแมว เหมือนช่วงลงประชามติรัฐธรรมนูญปี 2560 เป็นการเอาเปรียบทางการเมืองอย่างมาก ซึ่งในภาษาอีสานเรียกว่า “ตีหน้ามึน” เอาเปรียบ พฤติกรรมดังกล่าวถือว่าไม่เป็นกลาง ไม่เหมาะสมที่จะเป็นรัฐบาลรักษาการเพื่อจัดการเลือกตั้งอย่างเสรีและเป็นธรรม ประเทศจะได้รับความเชื่อมั่นได้อย่างไร ทั้งนี้ ขอให้รัฐบาลมองจากหลายมุม โดยเฉพาะหากมองจากต่างประเทศ ใครจะกล้ามาทำการค้า การลงทุนกับประเทศที่ถูกควบคุมด้วยอำนาจพิเศษทุกกระเบียดนิ้ว
“แม้จะบริหารประเทศย่างเข้าปีที่ 5 และแม้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะตั้งตุ๊กตากำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 แล้วก็ตาม แต่รัฐบาลก็ยังไม่ปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ ทำอย่างกับว่าประเทศนี้เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนที่ดูน่ากลัว ต้องใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 44 ควบคุมไว้ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ระหว่างเลือกตั้ง และจนกว่าจะจัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จ หากบ้านเมืองเป็นไปเช่นนี้จะเกิดการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรมได้อย่างไร ขอเรียนว่า ที่พรรคการเมืองต่างๆ เรียกร้องให้ปลดล็อกการเมือง ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของพรรคการเมืองที่จะทำกิจกรรมตามกฎหมายเท่านั้น แต่ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นมหาศาลกับประเทศชาติและประชาชนโดยส่วนรวม คือ เท่ากับส่งสัญญาณบวกว่าบ้านนี้เมืองนี้จะเปิดประเทศแล้ว จะเป็นประชาธิปไตยที่เชื่อมโยงกับชาวโลกแล้ว
“ยังมองไม่เห็นประโยชน์อันใดที่รัฐบาลจะค่อยๆ ปลดล็อกเป็นขยักๆ นอกจากเพื่อประโยชน์ทางการเมืองส่วนตนและพวกพ้อง โดยมองข้ามผลลบหรือผลเสียที่จะตกแก่ส่วนรวม ทั้งนี้ หากมองผลประโยชน์ของชาติไม่ออกก็ไม่สมควรที่จะเป็นรัฐบาลรักษาการจัดการเลือกตั้ง ควรลาออกมาทำงานการเมืองอย่างแฟร์ๆ จะเหมาะสมกว่า” นายชวลิตกล่าว