ญาติวีรชนพ.ค.35 ยื่นหนังสือถึง ‘อภิสิทธิ์’ จี้แสดงจุดยืนไม่ร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรค คสช.

ญาติวีรชน พ.ค.35 ยื่นหนังสือถึง “อภิสิทธิ์” แสดงจุดยืนไม่ร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคของ คสช. นำชาติออกจากวังวนเผด็จการสู่ ปชต. มาร์คยัน จุดยืน ปชป.ใครรวมเสียงเกินกึ่งหนึ่งของ ส.ส. มีสิทธิตั้งรัฐบาล ไม่ร่วมงานกับพรรคที่แนวทางไม่ตรงกับพรรค 

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 30 สิงหาคม ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 เข้ายื่นหนังสือต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เรียกร้องให้พรรคปรับบทบาทพรรคและผู้นำเพื่อสืบสานเจตนารมณ์พฤษภา 35 โดยขอให้สร้างความสามัคคีปรองดองทำตามเสียงประชาชนแก้วิกฤตออกจากวังวนของเผด็จการทหาร ไม่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคร่วมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อันเป็นการสืบทอดอำนาจเผด็จการที่ทำลายประชาธิปไตย รวมทั้งขอให้สนับสนุนและผลักดันการก่อสร้างอนุสรณ์สถานพฤษภา 2535 ให้สำเร็จต่อไป

ด้านนายอภิสิทธิ์กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า ตนพูดชัดเจนว่าต้องการนำบ้านเมืองออกจากวิกฤตที่สืบทอดมาเป็นเวลาสิบปี ซึ่งถือเป็นภาระหน้าที่สำคัญของพรรคการเมือง โดยประชาธิปัตย์พร้อมที่จะเดินหน้าไปสู่เป้าหมายนี้ และได้แสดงจุดยืนแล้วว่าต้องเริ่มจากการเลือกตั้งที่สุจริต เที่ยงธรรมหรือเสรีและเป็นธรรม หมายความว่าทุกฝ่ายต้องช่วยกันทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ได้มาตรฐานความเป็นประชาธิปไตย ผู้มีอำนาจต้องไม่ใช้อำนาจในทางไม่ชอบหรือเอารัดเอาเปรียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งในการทำให้การเลือกตั้งสุจริต แก้ปัญหาการซื้อเสียง การปล่อยข่าวเท็จใส่ร้าย แม้จะยังไม่มีการเลือกตั้ง และต้องเชิญชวนให้ประชาชนมีส่วนร่วมให้มากและช่วยกันตรวจสอบ

นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงการแก้กฎหมายการทำไพรมารี โดยอาจกำหนดให้ใช้รูปแบบคณะกรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส. ว่ารูปแบบการแก้ไขดังกล่าวไม่สามารถเรียกว่าเป็นการทำไพรมารีโหวตได้ และ คสช. ควรพูดความจริงกับประชาชน เนื่องจากการหยั่งเสียงแบบไพรมารีไม่ใช่ลักษณะเดียวกับการที่คณะกรรมการบริหารพรรคหรือคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครไปรับฟังความเห็น เพราะบทบัญญัติแบบนี้รัฐธรรมนูญปี 50 ก็มี ก็ไม่ได้เรียกว่าไพรมารีโหวตหรือไพรมารีโหวตฉบับย่อ ดังนั้น การจะทำอะไรควรให้ความจริงกับประชาชน ถ้าไม่อยากทำ ไม่พร้อมที่จะทำ คิดว่าไม่ควรทำแล้วก็พูดตรงๆ จะทำให้ประชาชนไม่สับสน

Advertisement

“ผมแค่ไม่เข้าใจว่าจากเดิมผู้มีอำนาจในปัจจุบันเข้ามา บอกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ปฏิรูประบบให้ดีขึ้น หลายครั้งแสดงความรังเกียจแนวทางแบบเดิม แต่ขณะนี้พอจะมีการเปลี่ยนแปลงซึ่งผมไม่ได้เห็นด้วย 100% แต่เจตนาที่จะทำ ผมว่าหลายพรรคการเมืองก็พร้อมที่จะทำ แต่ยังไม่ทันปฏิบัติก็มาเปลี่ยนแปลงแบบนี้ เหตุผลที่ทำให้มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบคงเป็นเพราะหลายเรื่องที่เกี่ยวพันกับผู้มีอำนาจที่มาทำการเมือง เพราะจะเปลี่ยนสภาพตัวเองจากกรรมการเป็นผู้เล่น ทำให้มีความคิดเปลี่ยนแปลงไปเกี่ยวกับกติกา เนื่องจากไพรมารีจะเป็นอุปสรรคต่อการดูด ดูดไม่สะดวก เพราะไปตกปากรับคำใครเขาต้องมาผ่านกระบวนการไพรมารี ไปแอบตกลงว่าช่วงท้ายๆ ให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ทำไม่ได้ เพราะว่าผู้สมัคร ส.ส.ต้องผ่านไพรมารีของพรรคก่อนลงสมัครรับเลือกตั้ง วันนี้ปัญหาข้อกฎหมายมีข้อเดียวซึ่งเป็นความบกพร่องของ สนช.เอง คือควรเปิดโอกาสให้ กกต.แบ่งเขตเลือกตั้งได้เร็วๆ และให้พรรคการเมืองปฏิบัติตามกฎหมายได้ เมื่อแก้ไขตรงนี้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องมีการเปลี่ยนรูปแบบไพรมารีโหวตจากที่กฎหมายพรรคการเมืองกำหนด เพราะพรรคการเมืองสามารถปฏิบัติตามกฎหมายได้อยู่แล้ว” หัวหน้า ปชป.กล่าว

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า การใช้มาตรา 44 มาแก้ไขกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญบ่อยครั้ง สะท้อนให้เห็นว่าหลักไม่แน่น เพราะเขียนเอง ลบเอง และหลายครั้งที่ใช้มาตรา 44 มาแก้ไข ก็มีปัญหาว่าหลายบทบัญญัติขัดกันเอง จึงอยากให้ดูตามหลักความเป็นจริง อย่าเอาเรื่องการเมือง ความได้เปรียบเสียเปรียบเข้ามา เพราะการแปรสภาพจากกรรมการมาเป็นผู้เล่นก็ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นระดับหนึ่งอยู่แล้ว การมีความไม่แน่นอนในเรื่องของกติกาเป็นอีกปัญหาหนึ่ง ซึ่งการเลือกตั้งเสรี เป็นธรรมเท่านั้นที่จะเป็นหัวใจที่จะเรียกคืนความเชื่อมั่นกลับมาได้ อย่างไรก็ตาม พรรคพร้อมที่จะปฏิบัติตามกติกาทุกเรื่อง เพราะที่ผ่านมาพรรคไม่เคยหยุดรับฟังปัญหาของประชาชนและมีทางออกประเทศพร้อมเสนอต่อประชาชน หากมีการคลายล็อกให้ประชุมได้ก็จะเรียกประชุมทันที เพราะต้องเร่งแก้ข้อบังคับและการรับสมาชิก

//////////////////

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image