ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
---|
ความขัดแย้งระหว่าง คสช. กับ นายวัฒนา เมืองสุข อันเห็นได้จากรายละเอียดบริเวณหน้า มทบ.11 เมื่อตอนสายของวันจันทร์ที่ 18 เมษายน มิได้เป็นครั้งแรก
หากเป็น ”ครั้งที่ 4″
เมื่อเป็นสถานการณ์ซึ่งดำเนินไปในลักษณะ “ผลิตซ้ำ” ไม่ว่าจะเป็น คสช. ไม่ว่าจะเป็น นายวัฒนา เมืองสุข จึงดำเนินไปอย่างมีการตระเตรียม
ตระเตรียมตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 เมษายน
1 เราเห็นรถฮัมวีพร้อมกับกองกำลังทหารจาก ร.21 รอ.จำนวนหนึ่งไปตรึงบริเวณหน้าบ้าน นายวัฒนา เมืองสุข ณ หมู่บ้านสินเก้า ถนนศรีนครินทร์
ขณะเดียวกัน 1 ปรากฏว่า นายวัฒนา เมืองสุข ไม่อยู่บ้าน
การไม่อยู่บ้านของ นายวัฒนา เมืองสุข ก็มิได้ดำเนินไปในลักษณะ ”กบดาน” ตรงกันข้าม ปรากฏข้อความผ่านเฟซบุ๊กอย่างต่อเนื่อง
“นัดหมาย“ ว่ามิได้หนีไปไหน หากพร้อมไปพบในวันที่ 18 เมษายน
การเคลื่อนไหวของ คสช. การเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ทหารก็ยังคงตรึงบริเวณหมู่บ้านสินเก้าและมีข่าวลอยมาตามลมทำนองว่า นายวัฒนา เมืองสุข อาจสร้างเงื่อนไขเพื่อนำไปสู่ ”การลี้ภัย”
แต่ในที่สุด นายวัฒนา เมืองสุข ก็เดินทางไปยัง มทบ.11
หากใครที่ติดตามข่าวเมื่อเวลา 11.00 น. ของวันจันทร์ที่ 18 เมษายน ณ บริเวณหน้า มทบ.11 อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องก็จะค่อยๆ ประจักษ์
ประจักษ์ในลักษณะ “เตรียมพร้อม” ทางการเมือง
นายวัฒนา เมืองสุข มิได้เดินทางไปคนเดียวเหมือนที่เคยเดินทางมา หากแต่เป็นการเดินทางพร้อมกับ น.ส.วีรดา เมืองสุข ลูกสาว และที่ปรึกษากฎหมาย
1 ยังมี นายจาตุรนต์ ฉายแสง รออยู่กับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง
ยิ่งกว่านั้น 1 ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต ยังแถลงด้วยว่า มีตัวแทนจากสถานเอกอัครราชทูต อาทิ สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ แคนาดา เป็นต้น มาร่วมสังเกตการณ์ และก่อนหน้านี้ นายวัฒนา เมืองสุข ยังทำจดหมายถึง บัน คี มุน เลขาธิการสหประชาชาติ
และ ”จะยื่นหนังสือลักษณะนี้ไปถึงบุคคลและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนอีก 20 แห่งทั่วโลก”
หลัง นายวัฒนา เมืองสุข เงียบหายไปใน มทบ.11 โดยไม่ทราบว่าเจ้าหน้าที่ทหารนำไปควบคุมตัวและปรับทัศนคติ ณ ที่แห่งใด พรรคเพื่อไทยก็ออกแถลงการณ์ในหัวข้อ ขอให้ปล่อยตัว นายวัฒนา เมืองสุข โดยปราศจากเงื่อนไข
นี่คือลักษณะแห่ง ”การตระเตรียม” อย่างเป็นระบบจากนายวัฒนา เมืองสุข และจากพรรคเพื่อไทยอันเป็นต้นสังกัด
ต้องยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยถือเอากรณีของ นายวัฒนา เมืองสุข เป็นประเด็นและความรับผิดชอบของพรรค
ประเด็นนั้นแวดล้อมอยู่กับ ร่างรัฐธรรมนูญ
ประเด็นนั้นเน้นอย่างหนักแน่นไปยังท่าทีของพรรคเพื่อไทย ท่าทีของ นายวัฒนา เมืองสุข ในเรื่องการไม่ยอมรับต่อ ”ร่างรัฐธรรมนูญ”
โจทย์ที่เสนอคือ การไม่ยอมรับเป็น ”ความผิด” หรือไม่
ในบรรยากาศแห่งการก้าวไปสู่ “ประชามติ” ประเด็นนี้มีความละเอียดอ่อน และสัมพันธ์กับกระบวนการ ”ประชาธิปไตย” อย่างเป็นพิเศษ
การควบคุมตัว นายวัฒนา เมืองสุข จึง ”ละเอียดอ่อน” ไปด้วย
เพราะหากการออกมาแสดงการ “ไม่ยอมรับ” ต่อร่างรัฐธรรมนูญของนายวัฒนา เมืองสุข ถือเป็นความผิดที่จะต้องใช้อำนาจตามคำสั่งของหัวหน้า คสช.ที่ 13/2559 มาจัดการแล้ว ก็เป็น คำถาม อันแหลมคมยิ่งในทางการเมือง
เนื่องจากหลายคนใน ”พรรคประชาธิปัตย์” โดยเฉพาะ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็แสดงการไม่ยอมรับ
เช่นเดียวกับนักวิชาการจำนวนไม่น้อยก็ประกาศ ไม่ยอมรับ
หากถือเอากรณีของนายวัฒนา เมืองสุข มาเป็นบรรทัดฐานก็อาจนำไปสู่การควบคุมตัว นักการเมือง นักวิชาการ นิสิตนักศึกษาและประชาชนเป็นจำนวนมาก
”คำถาม” นี้ คสช.จะให้ ”คำตอบ” อย่างไร
การเชิญตัวนักการเมืองและนักเคลื่อนไหวไป “ปรับทัศนคติ” มิได้เป็นเรื่องใหม่ในยุครัฐประหาร “คสช.”
แต่กล่าวสำหรับกรณีของนายวัฒนา เมืองสุข กลับกลายเป็นเรื่อง “ละเอียดอ่อน” มากด้วยความเปราะบางอย่างเป็นพิเศษเพราะเกิดขึ้นในบรรยากาศแห่ง “ประชามติ”
กว่าจะถึงวันที่ 7 สิงหาคม ยังจะมี อะไร เกิดขึ้นตามมาอีก