ความคืบหน้ากรณีนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้เข้ารายงานตัวตามคำสั่ง คสช. ที่ 3/2558 ที่มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) เมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา จากฝ่าฝืนประกาศ คสช. ฉบับที่ 39/2557 ต่อมาคณะเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายวัฒนา เมืองสุข มากักตัวไว้ที่กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ จ.กาญจนบุรี
ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น. วันนี้ 20 เม.ย.59 นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นพ.เหวง โตจิราการ นางธิดา ถาวรเศรษฐ นายยศวิศ ชูกล่อม หนือเจ๋ง ดอกจิก นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ นายสมหวัง อัสราษี พร้อมแกนนำกลุ่ม นปช. ได้เดินทางมาเยี่ยม นายวัฒนา เมืองสุข ที่กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรวีห์ หมู่ 1 ต.ลาดหญ้า อเมือง จ.กาญจนบุรี โดยมีคณะเจ้าหน้าที่นายทหารระดับสูง ของกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ คอยให้การต้อนรับ จากนั้นได้กลุ่มแกนนำ นปช.ไปพูดคุยเจรจากันที่อาคารประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ ที่ตั้งอยู่บริเวณประตูทางเข้ากองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์
สำหรับบรรยากาศการพูดคุยเจรจาไม่ตึงเครียดแต่อย่างใด โดยระหว่างพูดคุย แกนนำ นปช.ได้กล่าวขอร้องให้นำกลุ่ม นปช.ทั้งหมด ได้เข้าไปเยี่ยม นายวัฒนา แต่การเจรจาล้มเหลว แต่ทางแกนนำ นปช.ก็ยังคงขอร้องให้ นำตัว นายวัฒนา ออกมาหา โดยไม่จำเป็นต้องมายืนคุยกันอย่างใกล้ชิด เพียงขอให้เห็นหน้าและยกมือทักทายกันก็พอ แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จอีก ในที่สุดทางเจ้าหน้าที่ทหาร ได้นำภาพถ่ายของ นายวัฒนา จำนวน 2 ภาพ ภาพแรกเป็นภาพขณะนั่งอยู่ที่โต๊ะรับรอง และภาพที่ 2 เป็นภาพขณะที่นายวัฒนา พูดคุยกับลูกสาวทางโทรศัพท์ ในช่วงเวลาประมาณ 11.30 น. ที่ผ่านมา ซึ่งดูจากภาพพบว่าห้องที่นายวัฒนา พักอยู่ค่อนข้างกว้างขวาง ทำให้แกนนำกลุ่ม นปช.ทั้งหมดรู้สึกสบายใจ ว่า นายวัฒนา ยังอยู่สบายดี และยังได้กล่าวขอบคุณคณะเจ้าหน้าที่ทหารกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ ที่ดูแล นายวัฒนา เป็นอย่างดี ตลอดเวลาที่พูดคุยกันบรรยากาศเป็นไปอย่างกันเอง กระทั่งเวลา 16.00 น. การเจรจาจึงแล้วเสร็จ โดยได้มีการฝากอาหารว่างให้กับ นายวัฒนา ขณะที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่นำรูปปั้นไก่ชนมาด้วย ได้ฝากให้กับ นายวัฒนา โดยผ่านนายทหารที่มาต้อนรับด้วยเช่นกัน จากนั้นแกนนำจึงได้เดินทางกลับ กทม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนกลุ่ม นปช.ทั้งหมดจะเดินทางกลับ กทม.นายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่เดินทางไปทำข่าวว่านายทหารที่ดูแลคุณวัฒนาได้แจ้งกับพวกเราว่าได้ดูแล คุณวัฒนาเป็นอย่างดี และได้นำภาพถ่ายในเวลา 11.30 น. ที่นายวัฒนาคุณโทรศัพท์กับลูกสาวมาให้เราดู ซึ่งก็เป็นที่พอใจ ในฐานะเป็นเพื่อนหมู่มิตรที่มีความรักความศรัทธาและเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย ความเป็นเพื่อนความเป็นภราดรภาพ ไม่ว่าจะเป็นชนหมู่ใด เป็นภารหน้าที่ของคนเป็นมิตรระหว่างกัน นายวัฒนา เมืองสุข นอกจากเป็นมิตรทางการเมืองกันแล้ว ก็ยังเป็นนักกีฬา ที่เคยเล่นฟุตบอลร่วมกัน และผมเห็นว่าวัฒนา เมืองสุข เขาทำเพราะรักชาติบ้านเมือง ซึ่งในวันนี้ต้องขอขอบคุณกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ ที่ได้ต้อนรับพวกเราอย่างเป็นไมตรีระหว่างกัน แม้ว่าจะไม่มีโอกาสได้เจอคุณวัฒนาก็ตาม แต่ก็เป็นท่วงทำนองที่เป็นมิตรที่ดี และในวันพรุ่งนี้ลูกสาวพร้อมกับแม่ก็จะได้เดินทางมาเยี่ยมนายวัฒนาแล้วส่วนตัวคิดว่าในสังคมที่มีความคิดที่แตกต่างกัน แต่เราต่างก็เป็นคนไทยที่รักชาติบ้านเมืองไม่ได้แตกต่างกัน ฉะนั้นความแตกต่างคือความสวยงาม สำหรับกรณี คุณวัฒนา ต้องไปศาลอาญากรุงเทพใต้ ในวันนี้ เชื่อว่าทางศาลรับทราบ เนื่องจากคุณวัฒนาถูกควบคุมตัวโดยทางการ ซึ่งเป็นที่รู้กันของศาลอาญาในทางปฏิบัติ จึงไม่มีปัญหาใดๆ
ด้าน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เปิดเผยว่า การเดินทางมาครั้งนี้ไม่ได้ต้องการมาสร้างบรรยากาศการเผชิญหน้าใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแค่เรามีความห่วงใยและต้องการทราบความเป็นอยู่ของคุณวัฒนา ซึ่งในวันนี้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบก็ได้เล่าความให้ฟังว่าคุณวัฒนานั้นยังอยู่ดีมีสุข มีกิจกรรมต่างๆให้ทำ มียาสำหรับดูแลโรคประจำตัวครบถ้วน อีกทั้งคุณวัฒนายังได้มีโอกาสพูดคุยกับลูกสาวทางโทรศัพท์อีกด้วย ซึ่งเราได้สอบถามทางเจ้าหน้าที่อีกว่า กรอบระยะเวลาในการควบคุมตัวนายวัฒนา จะไม่เกิน 7 วันตามที่เป็นข่าวใช่หรือไม่ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ก็ได้บอกว่าน่าจะเป็นเช่นนั้นส่วนการกำหนดวันที่จะปล่อยตัว เมื่อไหร่นั้นเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่ทราบเช่นกัน ดังนั้นก็จำเป็นจะต้องติดตามข่าวกันต่อไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถึงแม้วันนี้เราจะไม่เจอหน้าคุณวัฒนาก็ตาม แต่เจ้าหน้าที่ก็ได้กรุณาบันทึกคุณวัฒนาในอริยาบทที่ยังคงสมบูรณ์แข็งแรงอยู่ ซึ่งวันนี้พวกเราได้นำอาหารว่างมาฝาก และขณะเดียวกันตนก็เอาไก่ชนรูปปั้น มาฝากให้คุณวัฒนา เพื่อจะบอกว่า “พี่ไก่พวกผมมาเยี่ยม แม้ว่าวันนี้ไม่ได้เจอพี่ แต่ขอฝากไก่ชนตัวนี้ไว้อยู่เคียงข้างก็แล้วกัน” ผมคิดว่าบรรยากาศแบบนี้ แม้ทางฝ่ายรัฐจะบอกว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องปฏิบัติก็ตาม แต่ถ้าหากมาตรการเช่นนี้ได้รับการผ่อนคลายและเปิดพื้นที่ให้กับกลุ่มที่มีความเห็นต่างๆ ได้สื่อสารบ้าง ก็น่าจะทำให้บรรยากาศการทำประชามติเดินหน้าไปได้ด้วยความสบายใจของทุกฝ่าย
ส่วน อ.ธิดา เปิดเผยว่า ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่กองพลทหารราบที่9 ทุกท่านที่ต้อนรับด้วยความอบอุ่น โดยอยากจะฝากไปยัง คสช.เพียงสั้นๆ ว่า เพื่อให้บรรยากาศในการทำประชามติดีขึ้น ไม่อยากให้มองความเห็นต่างเป็นเรื่องการเมืองหรือเรื่องหาเสียง ถือว่าบ้านเมืองมาถึง ณ ขณะนี้ ทุกคนหวังดีและปรารถนาดีต่อประเทศ ฉะนั้นตนอยากให้การทำประชามติครั้งนี้ราบรื่นด้วยการที่ยอมให้ความคิดเห็นต่างอย่างมีเหตุผลสามารถนำเสนอได้