หากมอง “แนวรบ” ทางการเมืองตามโรดแมปไปสู่การเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นภายในเดือนกุมภาพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นภายในเดือนพฤษภาคม 2562
เหมือนกับเป็นเรื่องของแต่ละ “พรรคการเมือง”
นั่นก็คือ เหมือนเป็นการช่วงชิงระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคขนาดใหญ่อย่างเป็นด้านหลัก
แต่หากมองลึกลงไปภายในแต่ละรายละเอียด
เราจะเห็นการเกิดขึ้นของกลุ่มสามมิตร พรรคพลังประชารัฐ เห็นการเกิดขึ้นของพรรครวมพลังประชาชาติไทย เห็นการเกิดขึ้นของพรรคประชาชนปฏิรูป
3 พรรคนี้ประกาศชนกับพรรคเพื่อไทย
เมื่อ 3 พรรคนี้มีทิศทางในการต่อสู้อย่างเด่นชัด บทบาทก็คือเป็นพันธมิตรในแนวร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์โดยพื้นฐาน เพราะพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องการหักโค่นพรรคเพื่อไทย
ตรงนี้จะมีผลอย่างไรต่อพรรคประชาธิปัตย์
พรรคประชาธิปัตย์โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พยายามชูธง 2 ผืนขึ้นสูงเด่น คือ 1 ต้านนายกรัฐมนตรีคนนอก 1 ต้านระบอบทักษิณ
อย่างแรกเหมือนกับจะต้าน คสช. ต้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
อย่างหลังเด่นชัดเป็นอย่างยิ่งว่าเป็นการสืบทอดเจตนารมณ์การขับเคี่ยวมาตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน มาถึงพรรคเพื่อไทย
ถามว่าธง 2 ผืนนี้อะไรคือเป้าหมายหลัก
หากดูจากความพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนมกราคม 2544 เดือนกุมภาพันธ์ 2548 เดือนธันวาคม 2550 และเดือนกรกฎาคม 2554
ต้องยอมรับว่า เป็น พรรคเพื่อไทย
ขณะเดียวกัน เมื่อความเป็นจริงของการก่อรูปไม่ว่าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าพรรครวมพลังประชาชาติไทย ไม่ว่าพรรคประชาชนปฏิรูป เสมอเป็นเพียงการตั้งไข่
เป้าหมายหลักของพรรคประชา ธิปัตย์จึงเป็นพรรคเพื่อไทย มิใช่ คสช.
ถามว่าพรรคเพื่อไทยกำหนดยุทธ ศาสตร์ของตนอย่างไรในการสัประยุทธ์ทางการเมืองเรื่องการเลือกตั้งอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
เด่นชัดว่าน้ำหนักวางไปที่ “คสช.”
แม้จะถือว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสนามการเลือกตั้ง แต่ก็ต้องยอมรับว่าพรรคเพื่อไทยมากด้วยความมั่นใจ
เป็นความมั่นใจจากชัยชนะใน “อดีต”
เป็นความมั่นใจจากผลพวงและความสำเร็จที่ต่อเนื่องจากพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย
และมั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์มิอาจแยกออกจาก “คสช.” ได้
การชูธง 2 ผืนของพรรคประชาธิปัตย์จึงแทบไม่มีผลต่อพรรคเพื่อไทย ขณะเดียวกัน ก็ไม่แน่ว่าจะทำให้ประชาชนหันเหจากพรรคเพื่อไทยไปเลือกพรรคประชาธิปัตย์
ยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทยจึงแน่วแน่มั่นคง
จุดที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ ยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทยในการดับเครื่องชน คสช.และพันธมิตรได้รับการสนองตอบจากสังคมอย่างไร
ในขอบเขตทั่วประเทศมีท่าทีไปในแบบไหน
ในขอบเขตของพรรคการเมือง แนวทางของพรรคเพื่อไทยได้เพาะสร้างพันธมิตรในแนวร่วมขึ้นได้หรือไม่ และจะมีผลสะเทือนต่อการเลือกตั้งและภายหลังการเลือกตั้งอย่างไร
นั่นคือ ทิศทางอันจะเป็นเงาสะท้อนความรู้สึกและความต้องการของประชาชน