ปปช.แจงปมฟันคดีโกงล่าช้า 14 ปี ไม่ได้ขาดอายุความทั้งหมด ยันยังดำเนินคดีต่อได้

ชี้แจงกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่ของรัฐสังกัดองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยขมิ้น อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี กับพวก ทุจริตต่อหน้าที่ คดียังไม่ขาดอายุความ (ขาดอายุความในปี พ.ศ.2565) เนื่องจากเป็นการกระทำความผิดกรรมเดียว แต่เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท สามารถดำเนินคดีอาญาต่อไป

เมื่อวันที่ 10 กันยายน นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า ตามที่ปรากฏข่าวทางสื่อบางแห่ง คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานเรื่องกล่าวหาร้องเรียนล่าช้า จนทำให้คดีขาดอายุความนั้น

‘วีระ’ สุดอึ้ง ปปช.เพิ่งมีมติเอกฉันท์ว่าผิด คดีโกงที่ร้องเรียนไปเมื่อ14ปีที่แล้ว

ในการนี้ สำนักงาน ป.ป.ช.ขอเรียนว่า เรื่องดังกล่าวเป็นกรณีกล่าวหานายวีระพันธ์ ตั้งศิริเสถียร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยขมิ้น อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี กับพวกรวม 9 ราย ว่าทุจริตเกี่ยวกับการดำเนินโครงการซ่อมแซมถนนลูกรังสายบ้านกกตาด-นิคมกระเสียว วงเงินงบประมาณ 360,000 บาท

Advertisement

จากการไต่สวนข้อเท็จจริงปรากฏว่า เมื่อประมาณปลายปี 2545 องค์การบริหารส่วนตำบลห้วยขมิ้น โดยนายวีระพันธ์ ตั้งศิริเสถียร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ได้พิจารณาอนุมัติโครงการซ่อมแซมถนนลูกรังสายบ้านกกตาด-นิคมกระเสียว วงเงินงบประมาณ 360,000 บาท แต่ในทางไต่สวนปรากฏว่า ถนนลูกรังสาย (สพ.1004) บ้านกกตาด-นิคมกระเสียว อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นถนนที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดสุพรรณบุรี และเมื่อประมาณปลายปี 2545 ถนนสายดังกล่าวเกิดความชำรุดเสียหายเนื่องจากเกิดอุทกภัยถูกน้ำป่ากัดเซาะ สำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดสุพรรณบุรีจึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดซ่อมบำรุงและรักษาทาง พร้อมด้วยรถยนต์และเครื่องจักรกล เข้าดำเนินการซ่อมแซมถนนสายดังกล่าวเป็นกรณีเร่งด่วน จากการสอบปากคำพยานบุคคลซึ่งเป็นชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ติดกับถนนลูกรังสายบ้านกกตาด-นิคมกระเสียว ได้ให้การสอดคล้องตรงกันว่าพบเห็นเจ้าหน้าที่ของสำนักงานทางหลวงชนบท จังหวัดสุพรรณบุรี นำรถยนต์และเครื่องจักรกล ซึ่งส่วนใหญ่มีสีฟ้าและสีเหลืองเข้ามาดำเนินการซ่อมแซมถนนลูกรังสายบ้านกกตาด-นิคมกระเสียว โดยไม่ปรากฏว่า มีรถยนต์หรือเครื่องจักรกลของผู้รับจ้างหรือบริษัทเอกชนรายใดเข้ามาทำการซ่อมแซมทั้งในเวลากลางวันและกลางคืนแต่อย่างใด สอดคล้องกับถ้อยคำของเจ้าหน้าที่ของสำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดสุพรรณบุรีที่เป็นผู้ทำการซ่อมแซมถนนอยู่ในพื้นที่ในขณะนั้น ได้ให้การว่าในขณะที่กำลังดำเนินการซ่อมแซมถนนสายบ้านกกตาด-นิคมกระเสียวอยู่นั้น ไม่พบว่ามีบุคคล หรือหน่วยงานใดนำเครื่องจักรกลหรือแรงงานเข้าดำเนินการซ่อมแซมถนนร่วมกับสำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดสุพรรณบุรี ทั้งก่อนเข้าไปดำเนินการซ่อมแซม ขณะดำเนินการซ่อมแซม และหลังดำเนินการแล้วเสร็จ อีกทั้งบริษัทเอกชนซึ่งเป็นคู่สัญญากับองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยขมิ้นก็ได้ยืนยันว่า มิได้เข้าเป็นคู่สัญญากับองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยขมิ้นแต่อย่างใด

คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ชี้มูลความผิดทั้งทางอาญาและทางวินัยแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ดังนี้

1.นายวีระพันธ์ ตั้งศิริเสถียร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร อบต.ห้วยขมิ้น อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) แต่ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) ได้ขาดอายุความแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจึงระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6) จึงให้ยุติการดำเนินคดีอาญากับนายวีระพันธ์ ตั้งศิริเสถียร ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ในความผิดฐานดังกล่าว

Advertisement

2.นายนฤชิต หรือชัยวัฒน์ คง ณ ศิริ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งหัวหน้าส่วนโยธา อบต.ห้วยขมิ้น อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) แต่ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) ได้ขาดอายุความแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจึงระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6) จึงให้ยุติการดำเนินคดีอาญากับนายนฤชิต หรือชัยวัฒน์ คง ณ ศิริ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 ในความผิดฐานดังกล่าว

3.นายจามร เลิศประเสริฐศรี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัด อบต.ห้วยขมิ้น และนางสาวทิพยา สวนดอกไม้ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 9 เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งหัวหน้าส่วนการคลัง อบต.ห้วยขมิ้น มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 มาตรา 151 มาตรา 157 และ มาตรา 162 (1) (4) แต่ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 162 (1) (4) ได้ขาดอายุความแล้ว สิทธินำคดีอาญามาฟ้องจึงระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6) จึงให้ยุติการดำเนินคดีอาญากับนายจามร เลิศประเสริฐศรี ผู้ถูกกล่าวหาที่ 8 และนางสาวทิพยา สวนดอกไม้ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 9 ในความผิดฐานดังกล่าว ให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็น ไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาโทษทางวินัยกับนายนฤชิต หรือชัยวัฒน์ คง ณ ศิริ นายจามร เลิศประเสริฐศรี และนางสาวทิพยา สวนดอกไม้ และไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญาในศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีกับนายวีระพันธ์ ตั้งศิริเสถียร นายนฤชิต หรือชัยวัฒน์ คง ณ ศิริ นายจามร เลิศประเสริฐศรี และนางสาวทิพยา สวนดอกไม้ ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 92 และมาตรา 97 แล้วแต่กรณี

ทั้งนี้ เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดกรรมเดียว แต่เป็น
ความผิดต่อกฎหมายหลายบท ซึ่งความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 และมาตรา 151 เป็นบทลงโทษที่หนักกว่า มีกำหนดอายุความ 20 ปี คดีจึงยังไม่ขาดอายุความ (ขาดอายุความในปี 2565) และพนักงานอัยการสามารถดำเนินคดีอาญาฟ้องต่อไปได้ (สอดคล้องกับคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 845/2550, 453/2548, 9083/2544, 1532/2543, 1445/2530)

อนึ่ง เลขาธิการแถลงเพิ่มเติมว่า สำหรับการดำเนินคดีในบางคดีที่อาจจะมีความล่าช้าบ้าง ทั้งนี้ เนื่องมาจากปริมาณคดีของสำนักงาน ป.ป.ช.มีจำนวนมาก จึงต้องบริหารจัดการตามความสำคัญของแต่ละคดีก่อน อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ซึ่งกำหนดระยะเวลาการดำเนินคดีของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปี นับแต่วันที่รับไต่สวน สำนักงาน ป.ป.ช.ได้ดำเนินการให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติฯดังกล่าว โดยเคร่งครัด จึงแถลงมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image