นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวในงานเสวนาเรื่อง “อนาคตประเทศไทย ตายหรือตันก่อนการเลือกตั้ง” จัดโดยคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และเครือข่ายตรวจสอบภาคประชาชน เมื่อวันก่อน โดยสรุปว่า อนาคตประเทศไทยคงไม่มีวันตาย แต่จะเดินหน้าไปสู่ทางตันก็เพราะปัจจัยทางเศรษฐกิจที่เติบโตน้อย และปัจจัยทางการเมือง
นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทยมองว่า การเลือกตั้งที่จะถึงนี้เป็นการเลือกตั้งที่ประชาชนขาดข้อมูลในการตัดสินใจ เพราะมีข้อห้ามวิพากษ์วิจารณ์ ส่วนต่อไปทางจะตันหรือไม่นั้น เมื่อพิจารณาจากบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ที่เขียนไว้ว่า ส.ว.สามารถลงมติเลือกนายกฯได้ ดังนั้น สมมุติในการเลือกนายกฯ ส.ส.รวมกันได้เพียง 126 คนจาก 500 คน แล้วไปรวมกับ ส.ว. 250 ก็ได้เลือกนายกฯตามที่ต้องการได้ แต่เมื่อจัดตั้งรัฐบาล และเปิดสภา รัฐบาลต้องแถลงนโยบาย อาจถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตรงนี้จะใช้เสียงของสภาผู้แทนราษฎร ถ้ารัฐบาลมี ส.ส. 126 คนจาก 500 คน ก็จบ
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) มองว่า รัฐธรรมนูญ 2560 ออกแบบให้ถ้าได้ ส.ส.เขตมา ส.ส.บัญชีรายชื่อจะหาย ยิ่งได้ ส.ส.เขต ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ก็ยิ่งหาย เป็นรัฐธรรมนูญที่มีคนบอกว่า แยกกันเราอยู่ รวมกันเราตาย นักการเมืองและพรรคการเมืองทุกพรรคต้องคุยกัน อย่าเพิ่งหาเศษหาเลยกัน เพราะถ้าเริ่มต้นกันแบบนี้ หลังเลือกตั้งจะยิ่งมีเรื่องหนัก วันนี้ต้องสร้างบรรยากาศ มาหารือกันว่าภายใต้กติกาที่แก้ไขอะไรไม่ได้นี้จะทำอย่างไรให้สถานการณ์มันไม่เป็นแบบพฤษภา 2535
มุมมองที่ปรากฏ มีแนวโน้มว่าการเมืองไทยหลังการเลือกตั้งอาจมีปัญหา นายจตุพรเสนอให้ทุกพรรคคุยกัน ขณะที่นายจุรินทร์เองก็เสนอ 4 ประการ คือ 1.ทุกฝ่ายต้องรู้รักสามัคคี และมีประชาธิปไตยในระบอบรัฐสภาที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2.หลังการเลือกตั้ง พรรคที่รวมเสียงข้างมากได้ต้องเป็นฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล พรรคเสียงข้างน้อยทำหน้าที่ฝ่ายค้าน 3.ฝ่ายบริหารต้องไม่ใช้เสียงข้างมากตามอำเภอใจ โดยไม่ฟังเสียงข้างน้อยจนนำประเทศสู่วิกฤต และ 4.ต้องยึดมั่นในหลักกฎหมายและหลักนิติธรรมเพื่อสร้างสังคมสันติสุข
มุมมองจากฝ่ายการเมืองดังกล่าวมีความสำคัญ เพราะต่อไปฝ่ายการเมืองจะเป็นผู้มีส่วนทำให้เหตุการณ์ความขัดแย้งในประเทศปะทุรุนแรงหรือคลี่คลายลงได้ จึงหวังว่าฝ่ายการเมืองจะได้บทเรียนจากอดีต และนำมาเตือนใจในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้าตามระบอบประชาธิปไตย เพื่อมิให้คนไทยต้องสูญเสียชีวิต สูญเสียทรัพย์สิน และสูญเสียโอกาสด้วยการ “แช่แข็ง” เหมือนดั่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในปัจจุบัน
