เมื่อวันที่ 16 กันยายน นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คลายล็อกพรรคการเมือง ว่า เป็นเรื่องดี เพราะส่งสัญญาณชัดเจนว่าต้องมีการเลือกตั้งในปีหน้า จากนี้ตนยิ่งต้องคิดให้มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องนโยบาย ขอยืนยันว่าเอาจริงกับนโยบายแก้ปัญหาหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืม เพื่อการศึกษา (กยศ.) เพราะไม่อยากเห็นเด็กจบใหม่ต้องกลายเป็นหนี้หัวโต กลายเป็นคนมีคดี หางานทำลำบาก โดยที่คิดไว้เบื้องต้นคือการพักหนี้ มีเงื่อนไขเก็บผู้กู้ไว้ในระบบ จากนั้นมาคุยกันว่าจะจ่ายเมื่อไร จ่ายอย่างไร ให้มีงาน หาเงิน แล้วจึงมาใช้หนี้ ส่วนผู้ค้ำประกัน ตนต้องการปลดภาระผู้ค้ำ และในระยะยาว ต้องการให้การศึกษาเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
“ใครต้องการเรียนสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็เรียนไป แต่ถ้าใครมีข้อจำกัด เราต้องมีระบบรองรับ ผมอยากให้เรามีการเรียนออนไลน์ที่สามารถการันตีความรู้ ความสามารถของผู้เรียนได้จริง เมื่อเรียนจบแล้ว สังคมต้องยอมรับในองค์ความรู้ของนักเรียน ล่าสุด ผมดูตัวอย่างจากประเทศฟินแลนด์ เขาทำให้การศึกษาระบบออนไลน์ได้รับความนิยม คนเรียนผ่านระบบออนไลน์ ได้รับการยอมรับในสังคม ประเทศไทยก็ควรจะเป็นเช่นนั้นบ้าง เพื่อทำลายข้อจำกัดทางการศึกษา” นายอนุทินกล่าว
นายอนุทิน กล่าวอีกว่า นอกจากการศึกษา ตนยังให้ความสำคัญกับการปรับปรุงกฎหมายให้สอดรับกับความเป็นอยู่ของประชาชน ทุกวันนี้ประชาชนมีโอกาสทำมาหากินมากมายจากทรัพย์ที่ถือครองอยู่ แต่ติดขัดเรื่องกฎหมาย เช่น แกร็บ (Grab), อูเบอร์ (Uber), บ้านพักโฮมสเตย์ ซึ่งเป็นของประชาชน แต่กลับนำมาใช้ทำมาหากินไม่ได้อย่างเต็มที่ เพราะกฎหมายไม่อนุญาต หรือมีเงื่อนไขเต็มไปหมด
“เราจึงจำเป็นต้องแก้กฎหมาย เพื่อให้รัฐมีบทบาทเป็นผู้สนับสนุนให้ประชาชนมีงานทำ มีเงินใช้ นี่คือความหมายของคำว่าลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน นอกจากนี้ อีกสิ่งที่หวังเห็นคือการขยายสิทธิประโยชน์การลงทุนจากโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ไปยังพื้นที่อื่น เพื่อให้ความน่าลงทุนได้เกิดในจังหวัดต่างๆ ด้วย”
นายอนุทิน กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันลดขนาดพรรคขนาดใหญ่ ทำให้ถ้าอยากเป็นรัฐบาลก็ต้องมาคุยกับพรรคอื่น จึงเป็นโอกาสให้พรรคภูมิใจไทยได้เสนอนโยบาย ซึ่งพรรคจะขอใช้เรื่องนี้เป็นเงื่อนไขแรกในการร่วมงาน แน่นอนว่า หากนโยบายเราถูกปฏิเสธ เราก็เป็นฝ่ายค้าน ดังนั้นอย่าไปมองว่าพรรคภูมิใจไทยรอเป็นรัฐบาล 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนกระแสการโจมตีพรรคภูมิใจไทยโดยบางคนบางกลุ่มนั้น เป็นเรื่องของลูกพรรค ตนไม่ใส่ใจ
