‘ปชป.’ จ่อประชุมใหญ่24 ก.ย.นี้ ‘องอาจ’ จี้ ‘คสช.-กกต.’ ทบทวนใช้โซเชียลสื่อสารสมาชิกตามทันยุค 4.0

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 กันยายน ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงถึงกรณีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) มีคำสั่งคลายล็อกพรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมว่า พรรคปชป.พร้อมที่จะดำเนินการทำกิจกรรมทางการเมือง เพื่อเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยหลังว่างเว้นมา 4 ปี ซึ่งพรรคปชป.ได้นัดเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 17 กันยายน เวลา 11.30 น. ในการพิจารณาร่างข้อบังคับพรรคเพื่อสอดคล้องกับกฎหมายพรรคการเมือง

โดยนำไปสู่การกำหนดการรับสมัครสมาชิกพรรค คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง เลือกหัวหน้าพรรค คณะกรรมการบริหารพรรค และจัดตั้งสาขาพรรค แต่จะต้องผ่านพิจารณาของคณะกรรมการบริหารพรรคก่อน จากนั้นในวันที่ 24 กันยายน จะมีการจัดประชุมใหญ่พรรค เพื่อให้อนุมัติพิจารณาข้อบังคับพรรค หลังจากนั้น หากผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่แล้ว จะเร่งดำเนินการต่อไปตามข้อบังคับของพรรค โดยเฉพาะการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ตามกฎหมาย

นายองอาจ กล่าวว่า จากนี้พรรคปชป.จะให้ประชาชนมีส่วนร่วมการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย โดยการหยั่งเสียงเลือกหัวหน้าพรรคโดยตรงจากสมาชิกพรรค เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองตามกระบวนการประชาธิปไตยของพรรค เพราะประชาธิปไตยไทยจะแข็งแรงต้องเริ่มจากพรรคการเมือง ซึ่งจะให้ประชาชนมีส่วนร่วมเป็นเจ้าของพรรคอย่างแท้จริง ไม่ใช่ของครอบครัวหรือคนใดคนหนึ่ง อย่างไรก็ตาม การหยั่งเสียงครั้งนี้เป็นการสืบสานอุดมการณ์พรรคที่ยึดตามระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ประมุข ส่งเสริมประชาธิปไตยภายในพรรคที่เป็นพื้นฐานประชาธิปไตยในประเทศ มุ่งให้ประชาธิปไตยคู่กับประชาชนและสังคมอย่างมีคุณค่า ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนและสนองปฏิรูปการเมืองอย่างเป็นรูปธรรม

“ขอเรียกร้องไปยังคสช.ให้หารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ทบทวนคำสั่งคลายล็อกเพื่อเปิดโอกาสให้พรรคสื่อสารกับประชาชนและสมาชิกพรรคผ่านโซเชียลมีเดียได้ เนื่องจากการห้ามหาเสียงผ่านโซเชียลมีเดียได้กำหนดรายละเอียดไว้แบบกว้างๆ จึงถือว่าไม่เอื้อต่อสังคมที่การพัฒนาในการใช้เทคโนโลยีการสื่อสาร และในยุคไทยแลนด์ 4.0 ทั้งนี้ หากมีพรรคการเมืองหรือนักการเมืองดำเนินการไม่ถูกต้องก็มี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ควบคุมดูแลอยู่ เพื่อให้การดำเนินการพรรคการเมืองเป็นไปอย่างถูกต้อง และยังเป็นการสร้างบรรยากาศการทางการเมืองและประชาธิปไตย ท่ามกลางการเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นไม่ควรมีการปิดกั้นใดๆ เพราะคสช.และกกต.มีส่วนส่งเสริมประชาธิปไตยให้มีความคึกคักและสอดคล้องกับสิ่งที่กำลังเดินหน้าประเทศไปสู่การเลือกตั้งและได้รัฐบาลที่เป็นตัวแทนของประชาชน เพื่อให้ประชาชนสามารถกำหนดอนาคตของตนเองและประเทศไทยต่อไป” นายองอาจ กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image