บทนำมติชน พิสูจน์ให้โลกเห็น

แม้ประเทศไทยจะมีสัญญาณดีว่าจะเลือกตั้งในปี 2562 แต่ผลพวงที่ผ่านมายังคงสะท้อนปัญหาเกี่ยวกับภาพลักษณ์ โดยเฉพาะภาพลักษณ์ที่โลกจับจ้องมองไทย ล่าสุด สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประกาศรายชื่อ 38 ประเทศที่มีพฤติกรรมน่าละอาย ด้วยการตอบโต้หรือข่มขู่บุคคลที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนด้วยการสังหาร ทรมาน และจับกุมตัวตามอำเภอใจ ซึ่งประเทศไทยติดอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีพฤติกรรมดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ พฤติกรรมของประเทศต่างๆ ที่ติดโผ คือการข่มขู่และตกเป็นเป้าการโจมตีบนโลกออนไลน์ เมื่อมีการให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ยูเอ็น

สำหรับประเทศไทย นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้เปิดเผยรายงาน 16 หน้าที่พาดพิงถึงไทย โดยยกตัวอย่างกรณีนายไมตรี จำเริญสุขสกุล นักปกป้องสิทธิชนพื้นเมืองลาหู่ ภายหลังนายไมตรีเข้าไปพบกับผู้รายงานพิเศษด้านนักปกป้องสิทธิมนุษยชนของยูเอ็น ปรากฏว่ายังกลับไปไม่ถึงบ้าน ได้มีเจ้าหน้าที่มาค้นบ้าน ค้นยาเสพติด แต่ไม่พบ ต่อมาคนในครอบครัวถูกจับ ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวถือเป็นการคุกคามและตอบโต้การทำงานของนักสิทธิมนุษยชน พร้อมกันนั้น นางอังคณายังแนะนำให้ทบทวนการใช้มาตรการดังกล่าว โดยเปลี่ยนมาเป็นการชี้แจงแทนการข่มขู่

อย่างไรก็ตาม พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลไทยดำเนินการทุกอย่างไปตามหลักกฎหมายและระเบียบ นายกรัฐมนตรียืนยันว่ารัฐบาลไม่มีนโยบายหรือเจตนาจะคุกคาม ข่มขู่นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชน และยังให้ความสำคัญกับการปกป้องคุ้มครองนักสิทธิมนุษยชนให้มีความปลอดภัยและสามารถใช้สิทธิเสรีภาพในการปฏิบัติงานและดำรงชีวิตได้ เช่นเดียวกับกระทรวงการต่างประเทศที่ออกมาแถลงก่อนหน้านี้ว่ารัฐบาลไทยไม่มีนโยบายคุกคามนักสิทธิมนุษยชนแต่อย่างใด
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นยืนยันอีกครั้งว่า วิธีการของไทยในสายตาของโลกยังมีปัญหา แม้ทางการไทยจะยืนยันว่าทุกคนมีสิทธิเสรีภาพ และไม่มีการคุกคามใคร แต่สำหรับนานาชาติแล้วยังมีปฏิกิริยาต่อประเทศไทยในรูปแบบต่างๆ อยู่ตลอด ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ไทยต้องพิสูจน์ด้วยการกระทำให้เป็นที่ประจักษ์ อาทิ ยกเลิกการใช้คำสั่ง คสช. หรือ ม.44 ที่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพไปให้หมด เป็นต้น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image