สถานีคิดเลขที่12 : น่าอาย-น่าละอาย 19ก.ย.61 โดย ชุมฉันท์ ชำนิประศาสน์

สหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น เป็นองค์กรระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก และน่าจะเป็นที่ยอมรับอยู่มากพอสมควร แม้ว่าเวลายูเอ็นไปแตะประเทศไหนเข้าก็มักจะถูกโจมตีว่ารู้ไม่ครบบ้าง รู้ไม่จริงบ้าง จุ้นจ้านบ้าง

แต่สุดท้ายแล้วสหประชาชาติที่เกิดมาเพื่อกู้วิกฤต และเยียวยาความแตกร้าวจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ยังพอจะเป็นที่พึ่งของประชาคมโลกได้ อย่างน้อยเวลาชาติต่างๆ รวมถึงมหาอำนาจทะเลาะกัน ก็ยังมีเวทีให้มาประจันหน้ากัน งัดข้อกัน เปิดข้อมูลออกมาถกเถียงโต้แย้งกัน

งานของสหประชาชาติที่เห็นชัดคือเป็นการสะกิดเตือนตามหลักการคุณค่าความเป็นมนุษย์เท่าที่พอจะทำได้

กรณีของไทยที่เพิ่งเป็นข่าวอื้ออึงไปเมื่อเร็วๆ นี้คือ การที่คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติออกรายงานเปิดรายชื่อ 38 ประเทศที่มีพฤติกรรมน่าละอาย จากการที่เจ้าหน้าที่รัฐเองข่มขู่คุกคามและลงมือกับบุคคลที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชน

Advertisement

แน่นอนว่าประเทศที่ติดรายชื่อนี้ย่อมไม่ปลื้ม เพราะเป็นโผที่ตรงกันข้ามกับการจัดอันดับประเทศน่าท่องเที่ยว อาหารอร่อย ผู้คนยิ้มแย้ม และแสนจะมีความสุข ฯลฯ

จึงมีแถลงการณ์ตอบโต้ (ตามสูตร) ว่ายูเอ็นรู้ไม่จริง รู้ไม่เท่าทัน แถมตบท้ายตำหนิฝ่ายการเมืองด้วยว่าพยายามจะนำรายงานนี้มาดิสเครดิตรัฐบาล

พูดถึงการดิสเครดิต จริงๆ แล้วจะทำได้ต่อเมื่อบุคคลหรือองค์กรนั้นๆ มีความน่าเชื่อถืออยู่พอสมควร ก่อนจะถูกบั่นทอนหรือทำลายเครดิตนั้น ซึ่งกรณีดังกล่าวนี้ไม่แน่ใจว่าจะดิสเครดิตได้หรือไม่

Advertisement

แต่การตัดสินว่าเรื่องใดเป็นเรื่องน่าละอายนั้นไม่น่ายาก และไม่ต้องอาศัยยูเอ็นสะกิดเตือนด้วยซ้ำ

คิดเฉพาะตามหลักการประชาธิปไตยที่ทุกคนควรมีสิทธิเสรีภาพในการคิดและตัดสินใจอย่างเท่าเทียมกัน อะไรก็ตามที่เข้าทำลายความเท่าเทียมของประชาชน ไม่ว่าด้วยเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ ชนชั้น สถานะทางสังคม นั่นคือเรื่องที่น่าละอาย

เหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยาฯ 2549 ที่มีผู้คนบางส่วนออกมาสดุดีการยึดอำนาจ ถ่ายรูปกับรถถังที่เคลื่อนมาจอดกลางเมืองหลวง โดยไม่สนใจว่าคนอื่นๆ ที่อยู่กลุ่มอื่น อยู่จังหวัดอื่น คิดอย่างไร นั่นเป็นเรื่องน่าละอาย

เหตุการณ์เมษาฯ-พฤษภา 2553 ที่มีการใช้กระสุนจริงและนองเลือดกลางเมืองหลวง เพียงเพราะไม่ยอมยุบสภาและจัดการเลือกตั้ง ได้แต่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องคนชุดดำ ปล่อยให้ชาวบ้านไร้อาวุธถูกยิงตายในวัด ทั้งยังถูกกล่าวหาซ้ำอีกว่าเผาบ้านเผาเมือง นี่ก็น่าละอาย

เหตุการณ์รัฐประหาร 22 พฤษภาฯ 2557 ผลิดอกออกผลมาจากการรวมกลุ่มเกลียดชังนักการเมือง การชัตดาวน์กรุงเทพฯ การเป่านกหวีดกันสนุกปาก และต้านการเลือกตั้งเป็นทางออก เป็นเรื่องน่าละอายอย่างไม่ต้องสงสัย

เมื่อเหตุการณ์มาถึงจุดที่รู้ว่าอะไรๆ ไม่สวยหรูอย่างที่คิด กลุ่มอำนาจนิยมก็ปลีกตัวออกไปหาความสุขส่วนตัว กินช้อปเที่ยว ดูละครรสแซบ ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น ขออย่างเดียวว่าอย่าได้เห็นหน้านักการเมืองที่เกลียดชังกลับเข้ามาเป็นใหญ่อีก ชาวบ้านรากหญ้าจะอยู่ลำบากอย่างไร ก็ไม่ใช่เรื่องของฉัน

ความน่าละอายเหล่านี้เพิ่มพูนขึ้นจากคนที่ไม่รู้จักละอายใจ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image