“วัชรพล” ยัน ป.ป.ช.มีอำนาจถอนฟ้องคดีสลายพันธมิตรฯ แต่ยังไม่ได้เคาะ อยู่ระหว่างคณะทำงานพิจารณาเหตุผล แจง ปมถูกตั้งแง่ซี้ “พัชรวาท” ยิ่งต้องทำให้รอบคอบ
เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 22 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และพล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) จำเลยในคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 7 ต.ค.51 ร้องขอความเป็นธรรม พร้อมแสดงหลักฐานใหม่ในคดีต่อป.ป.ช.ให้พิจารณาถอนฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาต่อผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่า จำเลยได้ยื่นพยานหลักฐานใหม่ให้ป.ป.ช.พิจารณา ซึ่งเป็นส่วนที่ไม่ได้อยู่ในสำนวนการพิจารณาสั่งฟ้องของคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดที่แล้ว จึงร้องขอให้ป.ป.ช.ดำเนินการถอนฟ้องคดีต่อศาลฎีกาฯ ดังนั้น เมื่อป.ป.ช.ได้รับเรื่องแล้วจึงได้มาพิจารณาตั้งประเด็นว่าสามารถดำเนินการฟ้องได้หรือไม่ เนื่องจากกฎหมายป.ป.ช.ไม่ได้เขียนเอาไว้ จึงมอบหมายให้ตั้งคณะทำงานด้านกฎหมายโดยมีเลขาธิการป.ป.ช.เป็นหัวหน้าคณะไปศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีการรายงานต่อคณะกรรมการป.ป.ช.ว่าดำเนินการได้ เมื่อดำเนินการได้ก็ต้องมาดูต่อว่าพยานหลักฐานใหม่นั้นมีเหตุมีผลเพียงหรือไม่ที่ป.ป.ช.จะมีมติให้ถอนฟ้อง ขณะนี้คณะทำงานอยู่ระหว่างวิเคราะห์ประเด็นที่จำเลยขอความเป็นธรรม ยังไม่ได้ไปถึงขั้นตอนไหน
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า สิ่งที่จำเลยร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาเขาคงมีเหตุผลของเขา แต่จากที่มีการไต่สวนเรื่องนี้มาเจ้าหน้าที่ต้องไปดูว่าพยานหลักฐานใหม่ที่อ้างมาเป็นพยานหลักฐานใหม่จริงหรือไม่ หรือเพียงพอที่จะไปเปลี่ยนแปลงความเห็นที่ป.ป.ช.ได้สั่งฟ้องไปหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเหตุและผล อย่างไรก็ตาม เมื่อเจ้าหน้าที่วิเคราะห์เสร็จสิ้นแล้วมีความเห็นอย่างไรจะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.อีกครั้ง ซึ่งเราไม่ได้ไปกดดัน เพราะถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องตอบสังคมให้ได้ และที่สำคัญต้องดำเนินการได้อย่างถูกต้อง เราตระหนัก เพราะป.ป.ช.ถือเป็นองค์กรยุติธรรมเบื้องต้น จึงต้องให้ความเป็นธรรม กลั่นกรองทุกสิ่งทุกอย่างให้ถูกต้อง ให้ดีที่สุด และเป็นมืออาชีพ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากดำเนินการถอนฟ้องจะขัดกับการพิจารณาซึ่งคดีอยู่ในชั้นศาลฎีกาฯแล้วหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า คนละเรื่องกัน ศาลท่านพิจารณาของท่านไป แต่ในข้อกฎหมายป.ป.ช.เป็นผู้ฟ้องคดี และถ้าป.ป.ช.มีเหตุผลก็สามารถยื่นเรื่องต่อศาลได้ แต่จะถอนฟ้องได้หรือไม่เป็นอำนาจของศาล ซึ่งตนไม่หนักใจ เมื่อเข้ามาทำหน้าที่ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุดบนพื้นฐานข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ถ้ามันไปได้ก็ต้องไปได้ตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย แต่ถ้าไปไม่ได้ก็คือไปไม่ได้
เมื่อถามว่า ในเมื่อจำเลยอ้างว่ามีพยานหลักฐานใหม่ เหตุใดจึงไม่ไปยื่นต่อศาลเพื่อสู้คดี แต่มายื่นกับป.ป.ช.และป.ป.ช.รับเรื่องไว้เอง พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า ผู้ใหญ่หลายท่านออกมาพูดว่าตามกฎหมายถ้ามีเหตุมีผลก็เสนอขอถอนฟ้องได้ เขาบอกไม่ได้ไปห้าม แต่ว่าจะเอาเหตุผลอะไรไปถอนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง และการจะถอนอำนาจสุดท้ายอยู่กับศาล วันนี้เราแค่พูดถึงตัวกฎหมาย ซึ่งเราสามารถทำได้ แต่เหตุผลที่เราจะไปทำมันคืออะไร นี่เป็นเรื่องที่ใหญ่กว่า อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะทำงาน คณะกรรมการป.ป.ช.ยังไม่ได้ไปถึงจุดที่ว่าจะถอนหรือไม่
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงความสัมพันธ์ เนื่องจากพล.ต.อ.พัชรวาทเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาของพล.ต.อ.วัชรพล สมัยรับราชการตำรวจ ประธานป.ป.ช. กล่าวว่า “ผมพูดอยู่เสมอเรื่องความสัมพันธ์มันคงห้ามไม่ได้ในชีวิตราชการที่เราเติบโตมา แต่ในเมื่อเรามีหน้าที่อย่างไรเราต้องทำตามหน้าที่ ทำตามกฎหมายที่ให้ไว้ ถือเป็นเรื่องที่ดีที่พี่น้องประชาชน รวมทั้งสื่อสนใจ ยิ่งทำให้เราต้องรอบคอบ ทำอย่างถูกต้อง ตรงไปตรงมา”