ถึงเวลา ‘คนรุ่นใหม่’ ชี้ชะตาอนาคตประเทศ

หากนับอายุของ “พรรคชาติไทยพัฒนา” มีอายุครบ 10 ปี ไปเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่ถ้านับนิ้วต่อเนื่องตั้งแต่เป็น “พรรคชาติไทย” ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2517 ก็แค่เปลี่ยนชื่อ จะมีอายุถึง 44 ปี เปรียบเป็นอายุของคนก็อยู่ในวัยกำยำ แข็งแรง ขึ้นเป็นผู้นำรุ่นใหม่ได้แล้ว

วันนี้ พรรคชาติไทยพัฒนายังมีอดีตนักการเมืองอาวุโสทั้งหลายประคองไว้อยู่ แต่ก็รู้จักปรับเปลี่ยนทิศทางไปกับยุคสมัยเหมือนที่เคยได้โอกาสสมัยเป็นหนุ่มมาเหมือนกัน ช่วยกันส่งภารกิจของการทำพรรคการเมืองไปสู่คนรุ่นใหม่

เป็นที่รับรู้แล้วว่า “วราวุธ ศิลปอาชา” จะขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ หลังมีการประชุมใหญ่และเลือกหัวหน้าพรรค

โดยอายุของ “ท็อป-วราวุธ” ถือว่าไม่น้อย เพราะมีอายุ 45 ปี จบจากเมืองนอกมาใหม่ๆ ก็ช่วยพ่อในการทำงานภาคการเมือง รับรู้การทำงานของพรรค ได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส.สุพรรณบุรี และยังเคยนั่งเก้าอี้ รมช.คมนาคม หรือกระทรวงใหญ่มาแล้ว

Advertisement

พรรคนี้ถือว่าชัดเจน การเมืองควรเป็นเรื่องของคนรุ่นใหม่ ไม่ติดหล่มวัฒนธรรมเก่าๆ เข้ากับสำนวนที่ว่า “คลื่นลูกใหม่” แตกต่างกับแนวคิดกับบางพรรค ยังหนุนคนเก่าคนแก่นั่งกุมบังเหียนต่อ เพราะต่างเชื่อในสำนวนอมตะที่บอกว่า “อาบน้ำร้อนมาก่อน” น่าจะปลอดภัยกว่าเยอะ เท่ากับปล่อยให้คนรุ่นหนุ่มในพรรคเดียวกันให้แก่ไปกับกาลเวลาอย่างน่าเสียดาย

“ภราดร ปริศนานันทกุล” แกนนำรุ่นใหม่ของพรรคชาติไทยพัฒนาอีกคน วันนี้อายุ 39 ปี ล่าสุดบอกว่า จะมีการประชุมใหญ่วันที่ 5 ตุลาคม จะแก้ไขข้อบังคับพรรค พร้อมกับการเลือกตำแหน่งใหญ่ๆ ในพรรค มีการหารือกับผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคแล้วว่า ถึงเวลาของคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามามีบทบาทและทำนโยบายพรรค มองว่า “วราวุธ ศิลปอาชา” เหมาะสมเป็นหัวหน้าพรรค

ภราดรยังบอกว่า หากพรรคได้เสียง ส.ส.เกิน 25 คน ตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ พรรคจะใช้สิทธิเสนอชื่อบุคคลโหวตเป็นนายกรัฐมนตรี จึงพร้อมเสนอหัวหน้าพรรคเข้าโผทันที

Advertisement

นับว่าหารือในวงแบบตกผลึกกันมาแล้ว

จะไม่พูดก็ไม่ได้สำหรับ “เพื่อไทย” กับ “ประชาธิปัตย์” สองพรรคใหญ่ ขยับเขยื้อนอะไรก็ต้องใช้พิธีกรรมใหญ่ “เพื่อไทย” มีข่าวแพลมตั้งแต่เดือนที่แล้วจะเสนอคนรุ่นใหม่ลงสนามเลือกตั้ง แต่แกนนำพรรคยืนยันไม่เคยมีการพูดคุยกันเพราะอ้างว่าติดปลดล็อก ก็รู้กันอยู่ว่า “คนแดนไกล” น่าจะมี “คนที่ใช่” ในใจแล้ว โดยขออุบเงียบไว้ก่อน ยังมีเวลาพิจารณาได้อีก จะหนุน “คนเก่า” หรือ “คนรุ่นใหม่” กองเชียร์คงต้องเดาไปเรื่อยๆ ก่อน

ขณะที่ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เป็นนายกฯ ขณะอายุ 44 ปี ผ่านมาแล้ว 10 ปี โพสต์เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ประชาธิปัตย์จะเลือกหัวหน้าพรรคด้วยการหยั่งเสียงของสมาชิกพรรค โหวตผ่านแอพพ์ “คนนอก” ก็สมัครชิงหัวหน้าพรรคได้ แต่คุณสมบัติต้องมีอดีต ส.ส.ของพรรครับรองถึง 40 คน และสมาชิกของพรรครับรองภาคละ 1 พันคน

เหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้ แต่น่าจะปิดโอกาสกันมากกว่า ระฆังยกแรกยังไม่ทันตี เขียนใบสมัครไปก็เปลืองน้ำหมึกเสียแล้ว

จึงไม่น่าจะมี “คนนอก” เข้ามาเขย่าค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผมนี้ได้ น่าจะเป็นศึกของ “คนใน” ต่อกรกับ “อภิสิทธิ์” ส่วนการคิดจะดัน “คนรุ่นใหม่” ขึ้นมาตามเทรนด์ ที่ผ่านมาไม่มีใครสะดุดเป็นข่าวให้เห็น หรือเพราะหาไม่เจอใครเลยจริงๆ แม้แต่ “ชวน หลีกภัย” อดีตนายกฯ ก็ยังสะกดชื่อ “อภิสิทธิ์” เป็นคำตอบสุดท้าย

พูดเรื่อง “คนรุ่นใหม่” ก็ต้องกล่าวถึง “พรรคอนาคตใหม่” ของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” อายุ 39 ปี ที่รวบรวมผู้คนหลากหลายทั้งนักวิชาการและคนรุ่นใหม่ที่ฝักใฝ่จะร่วมกันสร้างอนาคตให้บ้านเมืองเดินบนถนนประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

“ธนาธร” เคยมีวรรคทอง เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ขณะสัมภาษณ์ผ่าน TNN24 ว่า “ผมพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ได้ทำตามเป้าหมายที่วางไว้ ใครจะรู้ผมอาจได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของประเทศไทยก็ได้”

เป็นความขึงขัง การเอาจริงเอาจังในการทำงานภาคการเมือง ไม่อ้อมค้อม เพราะเดินเข้ามาเต็มตัวแล้ว อีกทั้งการเดินสายของ “ธนาธร” และทีมงานในพื้นที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัดมากมาย ไปคุยกับชาวบ้านเอง หรือร่วมรับเชิญไปถกในงานเสวนา และการถูกตามสัมภาษณ์จากสื่อทีวี วิทยุ และหนังสือพิมพ์ ที่ “ธนาธร” ยืนยันชัดเจนทุกสนามสื่อแล้วว่า เล่นการเมืองเพื่อให้ประเทศชาติมีอนาคตที่ดีกว่าปัจจุบัน

หากนับการรัฐประหารรัฐในประเทศไทยเมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 ไปสู่การเลือกตั้งที่คาดว่าจะมีขึ้น 22 กุมภาพันธ์ 2562 ขาดอีก 3 เดือนจะครบ 5 ปี เป็นช่วงเวลาที่คนไทยไม่ได้กาบัตรเลือกอนาคตด้วยตัวเอง

จึงนับว่าเหมาะสมแล้วสำหรับ “คนรุ่นใหม่” ใน พ.ศ.นี้ ที่เสนอตัวขึ้นมา ช่วยทำให้เห็นว่าจะไม่ยอมเดินเป็นวงกลมกลับไปสู่วังวนเดิมอีก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image