“อนุพงษ์” หัวโต๊ะ ควง “ฐาปน” ประชุมคณะทำงานพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ อวดผลงาน 3 ปี สร้างรายได้สะสมกว่า 2,800 ล้านบาท ผู้ได้รับประโยชน์กว่า 6 แสนคน ยก บริษัทประชารัฐรักสามัคคี คือนวัตกรรมแบบใหม่ของโลก
เวลา 14.00 น.วันนี้ (21 ก.ย.) ที่ห้องบอลรูม ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าทีมภาครัฐ เป็นประธานการประชุมคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐ ครั้งที่ 2/2561 โดยมีนายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) ในฐานะหัวหน้าทีมภาคเอกชน พร้อมด้วยคณะทำงานยุทธศาสตร์ชาติ (คณะที่ 4 การลดความเหลื่อมล้ำ) และเครือข่ายภาคเอกชน 14 แห่ง ร่วมประชุมและแถลงผลการดำเนินงานของคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐด้วย
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า การขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากและประชารัฐได้ดำเนินการต่อเนื่องมากว่า 3 ปี โดยมี 3 กลุ่มงาน ได้แก่ เกษตร แปรรูป และท่องเที่ยวโดยชุมชน ผ่าน 5 กระบวนการ ได้แก่ การเข้าถึงปัจจัยการผลิต การสร้างองค์ความรู้ การตลาด การสื่อสารการรับรู้ และการบริหารจัดการ โดยมีคณะกรรมการประสานและขับเคลื่อนนโยบายสานพลังประชารัฐประจำจังหวัด และบริษัท ประชารัฐรักสามัคคีจังหวัด (วิสาหกิจเพื่อสังคม) จำกัด ทั้ง 76 จังหวัด เป็นกลไกในการขับเคลื่อน ซึ่งจะนำผลกำไรจากการประกอบการกลับไปลงทุนในกิจการต่างๆของตนเองหรือเพื่อสังคม ถือเป็นนวัตกรรมที่เป็นรูปแบบใหม่ของโลก โดยผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมคือทำให้กลุ่มเป้าหมายกว่า 3,600 กลุ่ม มีรายได้รวมสะสมกว่า 2,871 ล้านบาท มีผู้ได้รับประโยชน์ 611,548 คน
“ประชารัฐเป็นแนวทางที่ต้องการการมีส่วนร่วมของประชาชนในการขับเคลื่อนการพัฒนา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ต้องการสร้างความรู้ความเข้าใจให้คนไทยรู้สิทธิหน้าที่เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมตามนโยบายของรัฐได้ จึงเป็นที่มาของไทยนิยม แม้ที่ผ่านมา ฝ่ายการเมืองจะยืนอยู่บนระบอบประชาธิปไตย และมี ส.ส. อยู่ในพื้นที่ แต่ยังไม่สามารถสะท้อนความต้องการของคนไทยในภาพรวมได้ อีกทั้งบางกลไกการทำงานยังถูกเพิกเฉยด้วย” รัฐมนตรีฯมหาดไทยระบุ
ด้าน นายฐาปน กล่าวว่า ภาคเอกชนได้ร่วมกับ 4 ภาคส่วน ได้แก่ ภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคประชาชน เพื่อร่วมขับเคลื่อนการทำงานโดยมีเป้าหมายเดียว คือ สร้างรายได้ให้ชุมชน เพื่อให้ประชาชนมีความสุข ซึ่งจากการลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือชุมชนตลอด 3 ปีที่ผ่านมา จำนวนกว่า 4,000 กลุ่มทั่วประเทศ โดยมี 3 กลุ่มงานคือ 1.กลุ่มงานเกษตร อาทิ โครงการโรงพยาบาลอาหารปลอดภัยซึ่งมีรายได้รวมจากการดำเนินการ ณ เดือนกรกฎาคม 2561 ใน 17 จังหวัด กว่า 8 ล้านบาท และจะขยายให้ครอบคลุมโรงพยาบาลชุมชนครบ 780 แห่งภายในปี 2561 2.กลุ่มงานแปรรูป อาทิ โครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย ที่สามารถสร้างรายได้รวมกว่า 3.5 ล้านบาทให้กับ 30 ชุมชน และ 3.กลุ่มท่องเที่ยวโดยชุมชน อาทิ ตลาดประชารัฐซึ่งจัดไปแล้ว 1,734 ครั้ง สร้างมูลค่ารวมเกือบ 82 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีเหล่าภาคีเครือข่ายภาคเอกชน เช่น บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ที่ส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs) ภาคเกษตร ด้วยการนำกล้วยหอมทองมาจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ เทสโก้โลตัสที่รับซื้อสินค้าตรงจากเกษตรกรและสินค้าโอทอป รวมถึง บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ที่จัดทำโครงการวิจัยและพัฒนาการปลูกและผลิตกาแฟระบบอนุรักษ์ เป็นต้น