“ครูหยุย” คาดสิ้นปี 59 ยอดสุนัขจรจัดแตะ 1 ล้านตัว ชี้เทศบาลเหมาะดูแลแต่ขาดงบ ด้าน “โรเจอร์” แนะ อย่าเปรียบเทียบกฎหมายคุ้มครองสัตว์กับคน
เมื่อเวลา 13.45 น. วันที่ 22 เมษายน ที่รัฐสภา นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาการทอดทิ้งสัตว์ในที่สาธารณะ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แถลงถึงปัญหาการทำร้ายสุนัขที่เกิดขึ้นในขณะนี้ว่า ปัจจุบันมีสุนัขในประเทศไทยจำนวน 8.5 ล้านตัว โดยเป็นสุนัขที่ไม่มีเจ้าของหรือสุนัขจรจัดจำนวน 7.3 แสนตัว คาดว่าในสิ้นปี 2559 จะมีสุนัขจรจัดเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านตัว ซึ่งสาเหตุมาจากการถูกทอดทิ้งและการแพร่พันธุ์มากขึ้น แม้จะมีหน่วยงานเอกชนรับไปดูแลแต่ก็พบปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย อีกทั้งการร้องเรียนของเพื่อนบ้านเกี่ยวกับเสียงและกลิ่นสุนัขที่รบกวน ขณะที่หน่วยงานท้องถิ่นอย่างเทศบาล ซึ่ง กมธ.พบว่าสามารถดูแลสุนัขได้ดีที่สุด กลับติดปัญหาเรื่องงบประมาณที่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ยังไม่เห็นชอบให้เทศบาลใช้งบเพื่อดำเนินการในส่วนนี้ ส่วนผู้ที่ให้อาหารสุนัขเป็นประจำแต่ไม่ได้รับเลี้ยงดูก็เป็นปัญหา กมธ.จึงจำแนกสุนัขออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่ สุนัขเป็นโรค พิการ ท้อง ลูกสุนัข และสุนัขดุ เพื่อให้หน่วยงานรัฐรับสุนัขส่วนนี้ไปดูแลก่อน
ด้านนายโรเจอร์ โลหะนันทน์ เลขาธิการสมาคมพิทักษ์สัตว์ไทย กล่าวถึง พ.ร.บ.ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ.2557 ที่มีการเปรียบเทียบเรื่องโทษหากคนทำร้ายสุนัขหรือสัตว์ ซึ่งกฎหมายคุ้มครองคนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสัตว์มีมาก่อนนานแล้ว แต่กฎหมายที่ป้องกันคุ้มครองสัตว์เพิ่งมีขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2557 ดังนั้น คนในสังคมคงเคยชินกับการลงมือสุนัขถ้าถูกข่มขู่ เป็นความสับสนของคำว่าป้องกันกับทารุณ ซึ่งกฎหมายไม่ได้ห้ามคนป้องกันตัว แต่ป้องกันได้หากมีเหตุผลอันควร จึงไม่ควรมีการเปรียบเทียบเรื่องโทษของกฎหมายคุ้มครองสัตว์ว่ารุนแรงกว่าคน แต่กฎหมายที่ออกมาก็เพื่อประโยชน์ส่วนรวม