พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 114 และมาตรา 128 นั้นสำคัญไฉน โดย : สมลักษณ์ จัดกระบวนพล

พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ใช้บังคับแก่บุคคลใดบ้าง มีปรากฏอยู่ตามมาตรา 4 บุคคลเหล่านี้จึงต้องสนใจบทบัญญัติของกฎหมายฉบับนี้ โดยเฉพาะ “ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” หากพวกท่านประมาทไม่ให้ความสนใจกฎหมายที่สำคัญแก่การดำรงตำแหน่งของท่านเมื่อใด อาจจะถูกศาลพิพากษาลงโทษให้ตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือหมดสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลาถึง 10 ปี และโทษหนักที่สุดคือ ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต และกฎหมายนี้ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญ หรือ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับปัจจุบัน จะดูศักดิ์สิทธิ์และสง่างามยิ่งขึ้น หากจะได้มีโอกาสเริ่มนำมาใช้กับคณะที่ให้กำเนิดรัฐธรรมนูญ และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ฉบับนี้เป็นปฐมฤกษ์

พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 114 บัญญัติว่า “เมื่อปรากฏว่าผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ผู้ใดจงใจ ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน หรือจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินหรือหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริง ที่ควรแจ้งให้ทราบและมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินและหนี้สินนั้น ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. กรรมการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย แจ้งข้อกล่าวหาให้ผู้นั้นทราบ และกำหนดระยะเวลาความสมควรที่ผู้นั้นจะมาชี้แจงข้อกล่าวหา ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.กำหนด แล้วนำเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช.เพื่อพิจารณาต่อไป …”

ข้อที่ต้องพิจารณาคือ ผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน หมายความว่า ทรัพย์สินที่ผู้นั้นเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ (เป็นเจ้าของ) และหนี้สิน คือ ทรัพย์สินที่ผู้นั้นมิได้เป็นเจ้าของ แต่ผู้เป็นเจ้าของอนุญาตให้นำมาใช้ ถือเป็นสิ่งที่นำมาใช้แล้วต้องคืนเจ้าของ ไม่ว่าจะเป็นเงินหรือทรัพย์สินอย่างอื่น ดังนั้น การขอยืมทรัพย์สินอื่นแม้มิใช่เป็นเงินก็ต้องยื่นบัญชีต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ทั้งสิ้น ถ้าไม่ยื่นก็จะต้องมีความผิดตามมาตรา 81 ซึ่งบัญญัติว่า “ในกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ประทับฟ้องตามมาตรา 77 ให้ผู้ถูกกล่าวหาหยุดการปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำพิพากษา เว้นแต่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ในกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ให้ผู้ที่ถูกกล่าวหานั้นพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น และจะเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกินสิบปีด้วยหรือไม่ก็ได้

ผู้ใดถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไม่ว่าจะในกรณีใด ผู้นั้นไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่นตลอดไป และไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ”

Advertisement

โทษที่กำหนดไว้ตามกฎหมายของผู้ที่ละเมิดมาตรา 114 ที่หนักที่สุดคือ โทษตามมาตรา 81 วรรคสอง ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นโทษประหารชีวิตทางการเมืองทีเดียว นอกจากโทษดังกล่าวแล้ว ผู้ละเมิดกฎหมายมาตรานี้ยังมีโทษตามมาตรา 167 คือโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

นอกจากมาตรา 114 แล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพิจารณามาตรา 128 ประกอบด้วย มาตรา 128 บัญญัติว่า “ห้ามมิให้เจ้าพนักงานของรัฐผู้ใดรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้จากผู้ใด นอกเหนือจากทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับ ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติของกฎหมาย เว้นแต่การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด โดยธรรมจรรยาตามหลักเกณฑ์และจำนวนที่กรรมการ ป.ป.ช.กำหนด

ความในวรรคหนึ่ง มิให้ใช้บังคับกับการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด จากบุพการี ผู้สืบสันดาน หรือญาติที่ให้ตามประเพณี หรือตามธรรมจรรยาตามฐานานุรูป”

ความหมายของบทบัญญัติมาตรานี้ คือห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้แม้แต่เพียงบาทเดียว ยกเว้น

1.ทรัพย์สินหรือประโยชน์อันควรได้ตามกฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับ ที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติของกฎหมาย (เงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง เบี้ยประชุม เป็นต้น) หรือการรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุพการี ผู้สืบสันดาน หรือญาติที่ให้ตามประเพณี หรือตามธรรมจรรยาตามฐานานุรูป

2.รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยา และจำนวนที่กรรมการ ป.ป.ช. กำหนด และกรรมการ ป.ป.ช.ก็ได้ออกประกาศเรื่องหลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ.2543 ไว้ดังนี้

2.1 รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากญาติซึ่งให้โดยเสน่หาตามจำนวนที่เหมาะสมฐานานุรูป

2.2 รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากบุคคลอื่นซึ่งมิใช่ญาติ มีราคาหรือมูลค่า ในการรับจากแต่ละบุคคล แต่ละโอกาส ไม่เกินสามพันบาท

2.3 รับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดที่การให้นั้นเป็นการให้ในลักษณะให้กับบุคคลทั่วไป (เช่น ของชำร่วยที่ได้ในงานแต่งงาน, งานศพ)

คำว่า “ประโยชน์อื่นใด” นั้นน่าจะรวมถึงประโยชน์ทางจิตใจด้วย เช่น การขอยืมเครื่องประดับที่มีค่ามาสวมใส่ไปร่วมงานเพื่อให้ดู
สมฐานะ เป็นต้น เคยมีคำพิพากษาศาลฎีกาวางแนวบรรทัดฐานเกี่ยวกับเรื่องประโยชน์ในด้านจิตใจไว้เป็นคดีเรื่องหนึ่ง ซึ่งข้อเท็จจริงมีว่า นักศึกษาชายนั่งอยู่ข้างหลัง มีนักศึกษาหญิงที่ตนรู้สึกพึงใจ จึงแอบตัดผมนักศึกษาหญิงเพื่อเก็บไว้ดูต่างหน้า ศาลฎีกาว่าการกระทำเช่นนี้เป็นการแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เส้นผมนั้นถือว่าเป็นประโยชน์แก่จิตใจของผู้กระทำความผิด ส่วนประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณราคาเป็นเงินได้ ตามมาตรา 128 นั้น ต้องคำนวณเป็นราคาเงินได้ด้วย

หากผู้ถูกกล่าวหาจะอ้างว่าไม่มีเจตนากระทำความผิด เพราะไม่ทราบถึงบทบัญญัติของกฎหมายสองมาตรานี้จะได้หรือไม่ คำตอบอยู่ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 64 ซึ่งบัญญัติว่า “บุคคลจะแก้ตัวว่าไม่รู้กฎหมายเพื่อให้พ้นจากความรับผิดในทางอาญาไม่ได้ แต่ถ้าศาลเห็นว่าตามสภาพและพฤติการณ์ ผู้กระทำความผิดอาจจะไม่รู้ว่ากฎหมายบัญญัติว่าการกระทำนั้นเป็นความผิด ศาลอาจอนุญาตให้แสดงพยานหลักฐานต่อศาล และถ้าศาลเชื่อว่าผู้กระทำไม่รู้ว่ากฎหมายบัญญัติไว้เช่นนั้น ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้” ผู้ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน จึงยากที่จะยกกฎหมายข้อนี้มาแก้ตัว ให้พ้นจากความรับผิด

ผู้ฝ่าฝืนมาตรา 128 จะต้องถูกลงโทษตามมาตรา 169 คือจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ข้อที่มีบุคคลทั่วไปสงสัยว่า หากผู้ถูกกล่าวหารับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดมาแล้ว ภายหลังเปลี่ยนใจอาจเป็นเพราะเกรงว่าจะมีความผิดจึงนำมาคืนเจ้าของ ดังนี้จะยังคงต้องรับผิดอยู่หรือไม่ นักกฎหมายทั่วไปทราบดีว่าการกระทำที่จะเป็นความผิดทางอาญานั้น หากผู้กระทำได้กระทำการครบองค์ประกอบความผิดแล้ว ต้องถือว่าความผิดนั้นสำเร็จ ยกตัวอย่างเช่น ความผิดฐานลักทรัพย์มีองค์ประกอบคือ 1.เอาไป 2.ทรัพย์เป็นของผู้อื่น หรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย 3.เจตนาทุจริต ผู้ที่กระทำการครบองค์ประกอบความผิดดังกล่าว ถือว่ามีความผิดฐานลักทรัพย์ แม้ภายหลังผู้นั้นกลับใจนำทรัพย์ไปคืนเจ้าของ ก็เป็นเพียงเหตุบรรเทาโทษ ที่ศาลอาจจะใช้ดุลพินิจในการกำหนดโทษเบาลง เช่นแทนที่จะลงโทษจำคุกสามปี ก็ลงโทษเพียงสองปี เป็นต้น

อนึ่ง เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินควรทราบอีกประการหนึ่งก็คือ หากกรรมการ ป.ป.ช.รับฟังไม่ได้ว่าทรัพย์สินนั้นผู้ถูกกล่าวหาขอยืมมา แต่เป็นของผู้ถูกกล่าวหาเอง และทรัพย์สินนั้นมีราคาสูง คณะกรรมการ ป.ป.ช.อาจจะต้องพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาต่อไปคือ ผู้ถูกกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ เมื่อพิจารณาถึงมูลค่าของทรัพย์สินที่ผู้ถูกกล่าวหารับมา ประกอบรายได้และรายจ่ายแล้วเกินกว่าบุคคลในสถานะเช่นผู้ถูกกล่าวหาพึงมีได้ ซึ่งกรณีนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีอำนาจทำการไต่สวนตามมาตรา 115 และมาตรา 116 การถูกกล่าวหาเรื่องร่ำรวยผิดปกติ กฎหมายกำหนดให้ภาระการพิสูจน์ตกอยู่แก่ผู้ถูกกล่าวหา ตามมาตรา 117 กล่าวคือ ต้องฟังไว้ก่อนว่าผู้ถูกกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ จนกว่าผู้ถูกกล่าวหา จะมีข้อพิสูจน์ที่มีน้ำหนักฟังได้มั่นคงว่า ไม่ร่ำรวยผิดปกติ

และหากพยานหลักฐานของผู้ถูกกล่าวหาไม่มีน้ำหนักพอฟังได้แล้ว ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะมีคำพิพากษาให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน เพราะร่ำรวยผิดปกติ ให้ริบทรัพย์สินที่ผู้นั้นได้มาจากการกระทำความผิด รวมทั้งบรรดาทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดที่ได้มาแทนทรัพย์สินนั้นตกเป็นของแผ่นดินตามมาตรา 120 วรรคสอง

บทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวเป็นเรื่องสำคัญที่เจ้าพนักงานของรัฐไม่ว่าจะเป็น ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ หรือตำแหน่งอื่นๆ ตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต จำเป็นต้องศึกษาให้เข้าใจ และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เพราะบุคคลเหล่านี้เป็นผู้ใช้อำนาจรัฐอันอาจให้คุณให้โทษแก่ผู้อื่น เมื่อท่านมีอำนาจมาก กฎหมายย่อมกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบของท่านไว้สูงเป็นพิเศษ และหากท่านละเมิดกฎหมายก็เป็นธรรมดาที่ท่านจะต้องได้รับโทษหนัก จึงไม่มีบุคคลใดในโลกนี้ ที่จะมีอำนาจล้นฟ้าโดยปราศจากการถูกควบคุม

หากกฎหมายไม่อาจลงโทษท่านได้ไม่ว่ากรณีใดๆ แต่ “กฎแห่งกรรม” ก็ยากที่ท่านจะหลีกเลี่ยงพ้น

สมลักษณ์ จัดกระบวนพล
อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาและกรรมการ ป.ป.ช.
อาจารย์พิเศษผู้บรรยายวิชาระบบศาล
และหลักทั่วไปว่าด้วยการพิจารณาคดี
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image