“บิ๊กตู่” เมินข้อเรียกร้องกลุ่มเปอร์มัส ยืนกรานคงกฎอัยการศึกแก้ไฟใต้ บอกทั่วโลกก็ใช้ กม.พิเศษกัน
เมื่อเวลา 14.25 น. วันที่ 25 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณีแถลงการณ์ของสหพันธ์นิสิต นักศึกษา นักเรียนและเยาวชนปาตานี (เปอร์มัส) เรียกร้องให้ยกเลิกกฎอัยการศึกลดเงื่อนไขความหวาดระแวงต่อการปิดล้อมตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ รวมทั้งต้องให้พ่อแม่รับผิดชอบต่อลูกหลานที่กระทำความผิดในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ได้พูดไปหลายครั้งแล้วในพื้นที่ใดก็ตามแม้ในประเทศไทยหรือทุกประเทศในโลกมีการใช้กฎหมายพิเศษกันทั้งนั้น กฎหมายด้านความมั่นคงเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงานได้ ไม่ใช่แต่อำนาจพิเศษตลอดเวลา อำนาจนี้ใช้เมื่อมีสถานการณ์รุนแรงเกิดขึ้นหรือสถานการณ์ที่ไม่มีความปลอดภัยต้องมีมาตรการรองรับให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติไม่ถูกต้องหรือเกินกว่าเหตุหรือละเมิดสิทธิมนุษยชนก็ไปว่ากัน เพราะมีกฎหมายหลายตัวอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่ก็ต้องถูกลงโทษไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.ความมั่นคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และกฎอัยการศึก เป็นสิ่งที่ช่วยให้เกิดการรักษาความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ในภาพรวม ซึ่งในพื้นที่ที่เกิดเหตุการณ์ก็มีไม่กี่พื้นที่ไม่ใช่ทั้ง 3 จังหวัด และทุกพื้นที่ที่เกิดได้ตราบใดก็ตามที่มีคนจ้องทำไม่ดีทำความผิดอยู่ จึงต้องมีมาตรการให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ เพราะกฎหมายปกติอาจใช้ไม่ได้ในบางสถานการณ์ เจ้าหน้าที่จะเลือกใช้ปฏิบัติเอง อย่างไรก็ตาม ต้องพิจารณาดำเนินการด้วยความระมัดระวัง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า กรณีกลุ่มเยาวชนและนิสิตนักศึกษาออกมาเคลื่อนไหวนั้น เท่าที่เห็นข่าววันนี้ประชาชนในภาคใต้ก็ออกมาแสดงความเห็นเหมือนกัน เพราะเป็นประชาชนในพื้นที่ส่วนหนึ่งเขาต้องการความสงบเรียบร้อยความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพราะนั้นหากเราเปิดทุกช่องทางเปิดโอกาสมากก็ทำให้การแก้ปัญหาภาคใต้เป็นไปได้ยาก ตนไม่อยากให้สถานการณ์ลุกลามบานปลาย ก็ต้องฟังคนในพื้นที่ด้วย ไม่ใช่ฟังแต่นิสิตนักศึกษาอย่างเดียว ดังนั้น คนในพื้นที่ต้องออกมาช่วยทำความเข้าใจในเรื่องดังกล่าว แต่อย่าขัดแย้งและใช้ความรุนแรง
นายกฯกล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่มาเลเซียเปลี่ยนตัวผู้อำนวยความสะดวกในการพูดสันติภาพชายแดนภาคใต้เป็นคนใหม่ เนื่องจากมีรัฐบาลใหม่นั้น ฝ่ายไทยกำลังพิจารณาในเรื่องนี้ว่าจะทำอย่างไรถึงจะเหมาะสม เพราะปัจจุบันรัฐบาลมาเลเซียก็ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ มีการหารือมาร่วมกันมาโดยตลอด และนายกฯมาเลเซียคนใหม่มีความเห็นว่าจะดำเนินการให้เห็นผลสัมฤทธิ์ในการอำนวยความสะดวกแก่เราให้มากที่สุด ซึ่งปลายเดือนตุลาคมมีโอกาสได้พบหารือกับนายกฯมาเลเซีย ก็จะดำเนินการพูดคุยสันติภาพอย่างต่อเนื่องต่อไป
