ที่มา | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
เช้ามืดของวันที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559 บรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 21 ของประเทศไทย ถึงแก่อนิจกรรมที่โรงพยาบาลศิริราชจากภาวะหอบหืดกำเริบ เมื่อสิริอายุได้ 83 ปี 8 เดือน สร้างความเสียใจอย่างสุดซึ้งโดยเฉพาะต่อชาวจังหวัดสุพรรณบุรีบ้านเกิด
บรรหาร เป็นบุตรคนที่ 4 ในจำนวน 6 คน ของ นายเซ่งกิม และ นางสายเอ็ง แซ่เบ๊ เจ้าของร้านขายผ้า เดิมมีชื่อว่า นายเต็กเซียง แซ่เบ๊ มีข้อมูลการเกิดตามทะเบียนราษฎร เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ.2475 แต่บางแหล่งกล่าวว่า วันเกิดที่แท้จริงคือ 19 กรกฎาคมของปีเดียวกัน เรียนจบชั้นประถมศึกษาจากโรงเรียนในตัวจังหวัด แล้วมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ มาเรียนต่อชั้นมัธยมที่โรงเรียนวัฒนศิลป์วิทยาลัย แต่ในช่วงนั้น เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงต้องหยุดเรียนไปช่วยพี่ชายทำงาน
ด้วยพื้นฐานอาชีพเดิมจากทางบ้านที่เกี่ยวข้องกับการตัดเย็บผ้า ทำให้มีความฝันอยากเปิดร้านตัทสูท แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จึงหันไปเปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งเริ่มต้นจากการมีโต๊ะทำงานเพียงตัวเดียว รวมถึงเป็นตัวแทนจำหน่ายคลอรีนให้การประปาส่วนภูมิภาค กระทั่งมีฐานะมั่งคั่ง
ชีวิตส่วนตัว สมรสกับ แจ่มใส ศิลปอาชา มีบุตร-ธิดารวม 3 คน เป็นชาย 1 คน คือ นายวราวุธ ศิลปอาชา และหญิง 2 คน คือ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา และ น.ส.ปาริชาติ ศิลปอาชา
บรรหาร เข้าสู่แวดวงการเมืองด้วยการชักชวนของ นายบุญเอื้อ ประเสริฐสุวรรณ จากนั้น ได้โลดแล่นอยู่ในวงการตลอดมา โดยได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ใน พ.ศ. 2516 ก่อนที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสุพรรณบุรี เมื่อ พ.ศ. 2519 และ ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกสมัยที่มีการเลือกตั้ง แล้วขึ้นดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคชาติไทย ในปี พ.ศ. 2523 ตามด้วยตำแหน่งหัวหน้าพรรคชาติไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรในยุครัฐบาลชวน หลีกภัย เมื่อ พ.ศ. 2537
ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆ มากมาย อาทิ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในรัฐบาลหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช , รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาล พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาล พล.อ.สุจินดา คราประยูร เป็นต้น
กระทั่ง ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2538 บรรหารในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทย ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่มีสมาชิกของพรรคได้รับเลือกตั้งมากที่สุด ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ทำให้เขาได้ดำรงตำแหน่งเป็น นายกรัฐมนตรี คนที่ 21 ของประเทศไทย ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระหว่างวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2538 – 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2539
ระยะเวลาเหล่านี้ที่บรรหารดำรงตำแหน่งทางการเมือง เขาขับเคลื่อนและพัฒนาจังหวัดสุพรรณบุรีให้หลุดพ้นจากภาพลักษณ์แบบ “ล้าหลัง” อย่างสิ้นเชิง ศ.ดร.เกษียร เตชะพีระ จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยเขียนบทความถึงความเจริญของสุพรรณบุรีและอธิบายภาพรวมการพัฒนาของบรรหาร ในบทความ “อำนาจแห่งเอกลักษณ์: ลัทธิจังหวัดนิยมแบบบรรหารบุรี” ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2556 โดยมีใจความว่า เดิมทีแล้วสุพรรณบุรีเป็นแบบฉบับของจังหวัดที่ดู “ล้าหลัง” อันเนื่องมาจากรัฐส่วนกลางทอดทิ้งละเลย
กระทั่งในเวลาต่อมาที่บรรหารพัฒนาทั้งจังหวัด นำมาสู่ถนนสายใหญ่ โรงเรียน และโครงการพัฒนาคุณภาพต่างๆ ไปจนกระทั่งความภาคภูมิใจในระดับท้องถิ่นของคนสุพรรณ
ปฏิเสธได้หรือว่านั่นไม่ใช่ความมุมานะในระดับมหาศาลเพื่อจะสร้างภาพลักษณ์ ชื่อเสียง ตลอดจนสถานภาพทางสังคมของจังหวัดสุพรรณบุรีให้ก้าวไกลมากยิ่งขึ้น และทั้งหมดนี่เองที่เป็นเหตุผลว่าทำไมบรรหาร หรือมังกรสุพรรณคนนี้จึงเป็นที่รักของคนในท้องถิ่นเสมอมา
ภาพและข้อมูลส่วนหนึ่งจาก เฟซบุ๊ก เรารักสุพรรณบุรี We love Suphanburi, เอก ประทุมรัตน์, สุพรรณบ้านเรา, ภาพเก่าเล่าเรื่องเมืองสุพรรณ