| ผู้เขียน | ชโลทร |
|---|
⦁…ทุกความสนใจมุ่งไปที่ “การเลือกตั้ง” ซึ่งค่อนข้างนิ่งแล้วว่าจะเป็น “24 ก.พ.62” และการต่อสู้เริ่มชัดเจนขึ้นว่าถูกทำให้เป็นระหว่าง “พรรคสนับสนุนเผด็จการ” กับ “พรรคประชาธิปไตย” แรงกระตุ้นให้ต้องเลือกแบบนี้ จะทำให้ “พรรคที่ไม่มีจุดยืน” หรือ “เหยียบเรือสองแคม” พลิ้วตาม “ฝ่ายชนะ” ได้ตลอด น่าจะต้องมีปัญหา เพราะไม่อยู่ใน “ทางเลือกที่เป็นกระเส” นั่นหมายถึงหากจะได้รับเลือก ต้อง “คุมพื้นที่ด้วยตัวเองได้จริงๆ” และถึงกระนั้นก็ยังน่าจะ “เหนื่อย” ไม่น้อย
⦁…แนวทางหาเสียงของ “พรรคสนับสนุนเผด็จการ” จะหนีไม่พ้นที่จะออกไปในแบบ พยายามชี้ให้ประชาชนเห็น “ความเลวร้ายของนักการเมือง” และ “ประชาธิปไตยในกรอบที่เหมาะสมกับประเทศ” นั่นหมายถึงเล่นการเมืองแบบ “เกลียดตัวกินไข่” ขัดแย้งในตัวเอง “ไม่ชอบนักการเมือง” แต่ต้อง “สวมเสื้อนักการเมืองเพื่อเข้าสู่อำนาจ” พร้อมกับ “ไม่ชัดเจนกับประชาธิปไตย”
⦁…ขณะที่ “พรรคฝ่ายประชาธิปไตย” จะมีความชัดเจนในเรื่อง “สิทธิเสรีภาพที่เท่าเทียมกันของประชาชน” ด้วยท่าทีไม่ยอมสังฆกรรมกับพวกสนับสนุนเผด็จการ พรรคกลุ่มนี้ อาจจะเสียเปรียบ ใน “กฎกติกาใหม่” ที่สร้างขึ้นมาเพื่อลดโอกาสของฝ่ายนี้ พร้อมกับ “กลไก” และ “การสนับสนุน” ต้องตกเป็นฝ่ายตั้งรับเกมรุก
⦁…ถึงที่สุดแล้วตัวชี้ขาดจะอยู่ที่ “ผลงานของรัฐบาลชุดปัจจุบัน” เทียบกับ “ผลงานของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง” ไม่ใช่ผลงานแบบ “คิดเอง เออเอง” หรือผลงาน “ตามเสียงสอพลอของพวกที่ได้รับประโยชน์” แต่เป็นผลงานในความรู้สึกประชาชน ส่วนใหญ่เห็นอย่างไร ย่อมเลือกไปอย่างนั้น ระหว่าง “เผด็จการ” กับ “ประชาธิปไตย” ชอบแบบไหนมากกว่า
⦁…ไล่เรียงกันทีละพรรค “พลังประชารัฐ” ยังเคลื่อนแรง ล่าสุดใช้ “ม.44” ปลด “ทีมนายกเมืองพัทยา” ที่แต่งตั้งเข้าไปเองในช่วงแรกของ “การยึดอำนาจ” คนที่โดนปลดช่วงนั้นคือ อิทธิพล คุณปลื้ม มาวันนี้คนที่ได้รับแต่งตั้งเข้าไปเป็น สนธยา คุณปลื้ม หลังมีข่าว “พลังชล” จะผนึกรวมกับ “พลังประชารัฐ” ก่อให้เกิดเสียงบอกกล่าวเล่าขานกันให้ขรมถึง “การทุ่มเทเต็มที่ของพลังดูด” ขณะที่อีกด้านหนึ่งเกิดกระแส “ท้าทายการตัดสินใจของประชาชน” แรงไม่น้อย
⦁…หันมามอง “ประชาธิปัตย์” หลังก่อกระแส “เลือกหัวหน้าพรรคใหม่” โดยมี วรงค์ เดชกิจวิกรม ประกาศเป็นตัวชิง โดยมีข่าวตามมาว่าเป็น “ตัวแทนจากเทพเทือก” ส่งผลให้ภาพของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งก่อนหน้านั้น ถูกกระแสถล่มแทบเงยหัวไม่ขึ้น “ดูดีขึ้นเป็นกอง” ด้วยการเป็น “ตัวเลือก” ที่ดีที่สุด ส่วน อลงกรณ์ พลบุตร พยายามสู้เต็มที่ แต่กติกาพรรค ไม่น่าจะเอื้อให้ “คนที่ลาออกไปแล้ว” กลับมาเป็น “ผู้นำพรรค” เว้นแต่ “กรรมการพรรค” จะใจกว้างพอ
⦁…ที่นิ่งที่สุดดูจะเป็น “เพื่อไทย” ถึงวันนี้คำถามยังคงเป็น “ใครจะเป็นหัวหน้าพรรค” และ “ใครจะเป็น 3 รายชื่อที่เสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรี” แต่ดูเหมือนว่าเป็น “คำถามที่พรรคไม่เห็นความจำเป็นต้องตอบ” ด้วยท่ามกลางกระแส “ถูกดูดหนักหน่วง” เปิดประชุมพรรคครั้งแรก “สมาชิกแห่มาอย่างล้นหลาม” ต่างคนต่างกลัวตกขบวน “ไม่ถูกส่งลงสมัคร” ทุกคนในพรรคยังเชื่อมั่นว่า “ชนะเลือกตั้ง” ท่วมท้น น่าสนใจตรงที่เป็น “ความเชื่อมั่นที่เกิดการสะท้อนกลับของผลงานรัฐบาลปัจจุบัน”
⦁…ส่วน “อนาคตใหม่” นั่น น่าติดตามไม่น้อย ด้วย “แต่ละประเด็นที่หยิบยกขึ้นหาเสียง” นั้น ชัดเจนถึง “ความแตกต่าง” ที่มีพลังสร้าง “ความเปลี่ยนแปลง” ให้เกิดขึ้นกับประเทศ ซึ่งต้องยอมรับว่า ได้ใจ “คนรุ่นใหม่” และ “กลุ่มเสรีนิยมแรงๆ” ไม่น้อย ผลการสำรวจของสำนักโพลหลายครั้งที่ผ่านมา ราคาของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ดีขึ้นเรื่อยๆ
⦁…เดินเงียบแต่แรง “ภูมิใจไทย” ภายใต้การนำของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ไม่เอิกเกริก แต่ “ลงมือจริง” ผู้มีชื่อเสียงทางการเมืองในหลายจังหวัด ผันตัวเองไปอยู่ “ภูมิใจไทย” เรียบร้อย โดยไม่ “ประกาศตัวเป็นข่าว เหมือนบางพรรคต้องตีปี๊บเรียกราคา” ว่ากันว่าหาก “เปิดตัวรายชื่อผู้สมัครภูมิใจไทยทั่วประเทศ” ออกมา อัตราการต่อรองในผลการเลือกตั้ง อาจจะ “เปลี่ยนแปลง” ครั้งใหญ่
ชโลทร
