‘บิ๊กจิ๋ว’ เสนอตั้ง รบ.เฉพาะกาล-ใช้ รธน.40 ปรับแก้ จตุพรแนะบิ๊กตู่ลาออกก่อนเล่นการเมือง

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 กันยายน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี เปิดบ้านพักย่านรามอินทรา เขตคันนายาว กทม. แถลงข่าว “ทางออกประเทศไทย” โดยมีนายจตุพร พรหมพันธุุ์ แกนนำ นปช. และนายเผด็จ ภูรีปฏิภาณ คอลัมนิสต์ “พญาไม้” ร่วมด้วย โดย พล.อ.ชวลิตกล่าวตอนหนึ่งว่า เรามีการรัฐประหารบ่อยครั้ง และที่พูดนั้นไม่อยากให้คนทะเลาะกัน ไม่ต้องการไล่คนใดคนหนึ่งออกไป หรือประณามใครคนใดคนหนึ่ง แต่ต้องการให้คนไทยร่วมมือร่วมใจกันอย่างที่เคยเป็น โดยมีทางแก้คือ มอบสิทธิเสรีภาพให้พี่น้องประชาชน จากนั้นมอบอธิปไตย และใช้หลักกฎหมายหรือหลักนิติธรรมกับศาล ทั้งนี้ บ้านเมืองเราขาดกระบวนการประชาธิปไตยมาก แต่คงได้เห็นในเร็ววันนี้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ได้เตรียมการไว้ หากมีการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เรามีโครงการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เป็นลักษณะโครงการตอบแทนคุณแผ่นดิน มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงยกระดับความคิด ความเป็นอยู่ของประชาชน เพิ่มรายได้ให้ประเทศ มีอยู่ 7 หมวด 41 โครงการย่อย โครงการมูลค่า 197 ล้านล้านบาท ดำเนินการระหว่าง 5-10 ปี แต่คิดว่า 2 ปีก็แล้วเสร็จ

“สมัยก่อนมีไม่กี่พรรค สามารถรวมตัวกันจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่เวลานี้มีกว่า 20 พรรค ต้องติดให้ดีว่าถ้าจะใช้รูปแบบรัฐธรรมนูญปัจจุบันอาจนำไปสู่การทะเลาะกันไม่มีที่สิ้นสุด แทนที่จะปล่อยให้มีการเลือกตั้งแบบนี้ก็อย่ามีเลย เปลี่ยนระบบปัจจุบันนิดหน่อย ตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลเข้ามาแก้ปัญหา และใช้รัฐธรรมนูญปี 40 มาแก้ไขบางมาตรา อย่างไรก็ตาม ศูนย์รวมปัญหาวันนี้อยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ และการแก้ไขที่ง่ายที่สุดคือการเสียสละ เชื่อว่าเขาฟังและนำไปคิดอยู่แล้ว เพราะเขารู้ด้วยตัวเองว่าปัญหาอยู่ที่ตัวเขา และรู้ว่าเป็นปัญหาหลัก แต่ก็ไม่กล้าเพราะกลัวว่าจะพาประเทศไปสู่จุดที่ต้องการไม่ได้ ทั้งนี้ หวังว่าท่านจะทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง ซึ่งถือว่าเป็นความปรารถนาดี ท่านเป็นคนดี แต่ห่วงมากไป” พล.อ.ชวลิตกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มีข่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยจะจับมือกันตั้งรัฐบาล และสนับสนุนนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิตกล่าวว่า ได้เป็นก็ไม่สำเร็จ จะรวมกัน 500 พรรคก็ตั้งไม่สำเร็จ

Advertisement

ด้านนายจตุพรกล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันอาจทำให้ประเทศเดินต่อไปไม่ได้ ไม่ใช่แค่การสนใจการเมือง แต่จะต้องสนใจประชาธิปไตย ต้องสนใจประเทศไทย และต้องสนใจประชาชนว่า สถานการณ์ข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะการขับเคลื่อนการเมืองโดยอาศัยอำนาจมาตรา 44 จะยิ่งเห็นว่าเป็นการนำไปสู่ปัญหาในอนาคต

“การที่ท่านประยุทธ์เป็นทั้งนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ขณะเดียวกันก็แสดงท่าทีในการลงสู่สนามการเมือง คือกรรมการประสงค์จะเป็นผู้เล่น และมีท่าทีเข้าข้างผู้เล่นคนอื่นอย่างชัดเจน ผมว่าประเทศอาจเดินต่อไปด้วยความยากลำบาก ตอนนี้เหมือนเล่นบอลโดยฝั่งตัวเองมี 14 คน แต่คู่แข่งมี 11 คน ย่อมเป็นกีฬาที่ไม่น่าดู เมื่อท่านสนใจที่จะลงสนามการเมืองในฐานะผู้เล่นคนหนึ่ง ท่านควรลาออกจากการเป็นนายกฯและหัวหน้า คสช. ต้องให้คนกลางเข้ามาทำหน้าที่ในการเป็นกรรมการ และท่านมาทำหน้าที่ผู้แข่งขันเช่นเดียวกับทุกคนเพื่อความเสมอภาค อย่างไรก็ตาม ตัวอย่างที่ดีที่สุดที่ พล.อ.ประยุทธ์ควรดูเป็นตัวอย่างคือ พล.อ.ชวลิตที่ลาออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ก่อนครบวาระ 5 ปี เมื่อมีความสนใจในการเล่นการเมืองก็มาตั้งพรรคการเมือง และเข้าสู่การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

Advertisement

“ส่วนตัวไม่ขัดข้องว่าใครจะเป็นนายกฯ แต่ควรมีความสง่างาม มีน้ำใจนักกีฬา วันนี้เมื่อท่านต้องการอยู่ในอำนาจต่อก็ควรถอยมาก่อน แล้วก็ให้กรรมการเข้ามาทำหน้าที่ในการดูแล ถ้าประชาชนให้การยอมรับท่านทำหน้าที่ต่อทุกอย่างก็จบ ประเทศเดินหน้าต่อได้ไม่มีปัญหาอะไร เป็นประชาธิปไตยที่สร้างโดยสันติภาพ ดังนั้น ทางออกของประเทศไทยที่ดีที่สุดคือ ทุกฝ่ายต้องร่วมกันเสียสละเพื่อชาติบ้านเมือง หัวหน้า คสช.ก็ต้องเสียสละ ผมว่า 5 ปีที่ผ่านมา คนไทยให้โอกาสท่านแล้ว ท่านจะเป็นต่อถึง 20 ปีตามยุทธศาสตร์ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ท่านต้องอยู่ภายใต้การแข่งขันอย่างเสมอภาค และคนที่จะมาทำหน้าที่เป็นกรรมการนั้นจะต้องเป็นกลางจริงๆ” นายจตุพรกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image