‘พลังประชารัฐ’ คิกออฟ ‘อุตตม’ หัวหอกสู้เลือกตั้ง’62

หมายเหตุ… แกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร่วมประกาศอุดมการณ์และจุดยืนของพรรค ภายหลังการประชุมผู้ร่วมจัดตั้งพรรค พปชร. โดยที่ประชุมมีมติเลือก นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นหัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นเลขาธิการพรรค นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นโฆษกพรรค ที่ห้อง
แกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม อาคารอิมแพค ฟอรั่ม เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 29 กันยายน

 

วันนี้ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ร่วมกันจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐที่ได้ให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจตัวผม ให้ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าพรรค พร้อมกับคณะกรรมการบริหารที่ประกอบด้วยผู้มากประสบการณ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ มีความสามารถจากหลากหลายสาขาอาชีพ เพื่อเข้ามาบริหารนำพาพรรคพลังประชารัฐขับเคลื่อนไปข้างหน้า ภายใต้ภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากประชาชน ซึ่งสะท้อนอยู่ใน 7 หลักการจากอุดมการณ์ของพรรค ได้แก่

1.พรรคยึดมั่นในระบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2.พรรคเป็นสถาบันการเมืองของประชาชน บ่มเพาะพลเมืองที่ตื่นรู้ มุ่งเน้นการพัฒนาประชาธิปไตยวิถีไทย 3.น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง รวมกันเป็นกลุ่มอย่างมีพลัง รวมสร้างความเข้มแข็ง เติบโตจากฐานรากอย่างยั่งยืน ชูประเทศไทยสู่ประชาคมโลกอย่างสมศักดิ์ศรี 4.ก้าวข้ามความขัดแย้ง ฟื้นความสมานฉันท์ 5.สร้างสังคมที่เป็นธรรม ยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม 6.ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างโอกาสที่แท้จริง ขจัดความยากจน สร้างความมั่นคงในสังคม 7.สร้างสังคมที่เกื้อกูล แบ่งปัน เติมเต็มศักยภาพของผู้คน เตรียมพร้อมคนไทยสู่ศตวรรษที่ 21

Advertisement

หลังการประชุมจัดตั้งพรรคในวันนี้ เราจะรีบไปยื่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อดำเนินการตามกระบวนการให้พรรคได้รับการรับรอง แล้วเราจะเดินหน้ากิจกรรมของพรรค งานการเมืองอย่างเต็มรูปแบบได้
4 ปีที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาสำคัญยิ่งของประเทศไทยที่เราได้มีโอกาสวางรากฐานการปรับเปลี่ยนประเทศให้ก้าวหน้าไปได้อย่างยั่งยืน ทั้งด้านสังคม ด้านการพัฒนาคน การวางปรับรากฐานของเศรษฐกิจใหม่ ตั้งแต่ระดับฐานรากขึ้นมา รวมถึงการยกระดับการดูแลสวัสดิการของประชาชนให้ผู้ด้อยโอกาสได้รับโอกาสที่ดีขึ้นและทั่วถึง จนวันนี้กล่าวได้ว่าประเทศไทยได้รับการยอมรับจากทั้งภายในและภายนอกประเทศ และส่วนตัวผมเองรู้สึกดีใจ ภูมิใจที่ได้มีโอกาสมีส่วนร่วมทำงานในระยะเวลาที่ผ่านมา ได้ร่วมผลักดันนโยบายที่เป็นรูปธรรมเพื่อประโยชน์ของประเทศไทยของพี่น้องประชาชนชาวไทย

มาถึงวันนี้เป็นการตัดสินใจที่สำคัญของผมและไม่ง่ายเลย แต่ก็ได้ตัดสินใจแล้ว และตัดสินใจด้วยความภาคภูมิใจที่สุดครั้งหนึ่งของชีวิตก็ว่าได้ คือการตัดสินใจที่อาสาเข้ามาทำงานการเมืองอย่างเต็มตัวเป็นครั้งแรกโดยได้รับความไว้วางใจจากคณะผู้ร่วมก่อตั้งพรรค ให้ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หลายคนที่รู้จักผมคงทราบว่าผมโตมาจากแวดวงวิชาการ แวดวงธุรกิจ ผมไม่ใช่นักการเมืองอาชีพ

แต่ครั้งนี้ผมและหลายท่านที่มีประสบการณ์และไม่ใช่นักการเมืองมืออาชีพ ได้มาปรึกษากันว่าถ้าเราจะเปลี่ยนและปรับสร้างการเมืองใหม่ให้ประเทศไทย เราจำเป็นต้องรวบรวมคนดีและคนเก่ง รวมถึงคนที่ไม่กล้าเข้ามาในการเมือง แต่มีใจให้ประเทศ อยากรับใช้บ้านเมืองทั้งหมดนี้ต้องมาร่วมทำงานกันอย่างจริงจัง ด้วยเหตุนี้พรรคพลังประชารัฐจึงเกิดขึ้นด้วยอุดมการณ์ที่จะรวมพลังของประชาชนเข้ามาช่วยกันขับเคลื่อนประเทศไทย ให้ก้าวข้ามอุปสรรคปัญหา ที่ทำให้ประเทศไทยชะงักงันมาเป็นเวลานาน ทั้งการเมืองแบบเดิมๆ ที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งมากกว่าทศวรรษ เรียกได้ว่าเป็นทศวรรษแห่งความสูญเสียของประเทศแทบในทุกมิติ

Advertisement

แต่ที่สำคัญที่สุด สำหรับประเทศไทยและคนไทยทุกคน ผมเชื่อว่าทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าเราเสียเวลาและเสียโอกาสในการพัฒนาประเทศมานานพอแล้ว วันนี้เป็นโอกาสที่เราจะทำหลายอย่างให้ประเทศ ให้สามารถก้าวหน้าพ้นความชะงักงัน ก้าวข้ามความขัดแย้งให้ได้อย่างจริงจัง ขอให้ทุกท่านมั่นใจได้อย่างเต็มที่ ว่าพรรคพลังประชารัฐจะเป็นพรรคการเมืองที่มุ่งหน้าแก้ไขปัญหาให้ประชาชนทุกภาคส่วนทุกหมู่เหล่าในทุกพื้นที่ พรรคพลังประชารัฐจะทำให้ประเทศไทยกลับมาเป็นปึกแผ่น เป็นหนึ่งเดียว เราจะจับมือเดินด้วยกันไปข้างหน้า ทำงานด้วยความซื่อสัตย์โปร่งใส เพื่อความรับผิดชอบที่มีเป้าหมายเดียว คือรับใช้แผ่นดินเกิด

วันนี้เราทราบดีว่าเราต้องเตรียมพร้อม เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในชาติ นั่นก็เพราะโลกกำลังก้าวไปเร็วมาก ด้วยเทคโนโลยีด้วยปรากฏการณ์นวัตกรรมใหม่ๆ มากมาย ดังนั้น ผมจึงเชิญชวนว่าเรามาร่วมมือกันเถอะให้ประเทศนี้ ประเทศไทยของเราหลุดพ้นจากความขัดแย้ง และมุ่งหน้าร่วมกันพาประเทศไทยให้ยืนอยู่บนเวทีโลกได้อย่างทัดเทียมเข้มแข็ง และที่สำคัญ เพื่อสามารถส่งต่ออนาคตสู่รุ่นลูกรุ่นหลานของเรา อย่างที่เขาจะภาคภูมิใจได้เลยในแผ่นดินเกิดเสมอไป

ผมและคณะกรรมการบริหารพรรคพวกเราทำงานเพียงลำพังไม่ได้อีกแล้วในครั้งนี้ แต่เรารู้ว่าข้างนอกยังมีคนที่มีความสามารถมีประสบการณ์จากหลายภาคส่วนอยู่อีกมาก รวมถึงยังมีคนหน้าใหม่ทางการเมือง อยากนำความรู้นำประสบการณ์ในโลกยุคใหม่ มาช่วยกันเพื่อประเทศ

 

สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และเลขาธิการพรรค พปชร.

ยืนยันว่าพรรค พปชร.จะคัดเลือกบุคคลที่ดีที่สุดในการรับใช้ประชาชน ตั้งแต่การเลือกบุคคลเป็น ส.ส. รวมทั้งบุคคลที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี เบื้องต้นพรรค จะสนับสนุนหัวหน้าพรรคเป็นว่าที่นายกฯของพรรค พรรคจะนำนโยบายพาประเทศไทยเดินหน้าไปข้างหน้าให้ได้

ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าทั้ง 4 รัฐมนตรีที่มาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐนั้น ได้รับการสนับสนุนจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ต้องชี้แจงว่าทั้ง 4 รัฐมนตรีต้องการใช้ความรู้ ความสามารถที่มีอยู่มาช่วยกันผลักดันพัฒนาประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้มากกว่านี้ ส่วนนายสมคิดนั้นถือเป็นที่ปรึกษาทางใจ เพราะเป็นบุคคลที่มีทั้งประสบการณ์และความรู้ ความสามารถ

ข้อครหาที่มองว่าพรรค พปชร.จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. เป็นนายกฯอีกสมัยนั้น ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะไปสรุปอย่างนั้น แต่ทุกอย่างต้องอยู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคว่าจะเสนอบุคคลใดเป็นนายกฯ ในบัญชีรายชื่อนายกฯ ทั้ง 3 ชื่อ ให้ประชาชนเห็นในช่วงการเลือกตั้ง

ทุกอย่างอยู่ที่ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินว่าจะเลือกใครมาทำหน้าที่

 

อิทธิพล คุณปลื้ม
ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
และว่าที่กรรมการบริหารพรรค พปชร.

โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เป็นหนึ่งในนโยบายที่สานต่อและก้าวข้ามความขัดแย้ง เช่นเดียวกับเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ การเมืองวันนี้ต่างจากการเมืองสมัยก่อน จะเป็นการเมืองจำเพาะในแต่ละด้าน ไม่ใช่ในเชิงเหมือนเมื่อก่อน จุดยืนของพรรคพลังประชารัฐกับพรรคพลังชล
แตกต่างกันอย่างไรนั้น ผมมองว่าเป็นแนวทางเดียวกัน เห็นถึงผลสัมฤทธิ์ของนโยบายและยุทธศาสตร์ที่นำพาประเทศ และแนวทางของ
การสร้างความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ
ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าการตั้งนายสนธยา
คุณปลื้ม หัวหน้าพรรรคพลังชลเป็นนายกเมืองพัทยาจะเป็นเรื่องของผลประโยชน์ตอบแทน
หรือไม่ คงไม่ใช่เรื่องของผลประโยชน์ตอบแทน แต่เป็นเรื่องที่เราแสดงเจตนารมณ์ตั้งแต่เริ่มต้น เราไม่ได้ยึดตำแหน่งมาเป็นตัวตั้ง แต่เน้นเรื่องการทำงานที่ตรงกันกับรัฐบาลปัจจุบัน และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็มองเห็นศักยภาพของจังหวัดชลบุรี เรื่องผลประโยชน์นั้นทุกคนมีสิทธิ
คิดได้ แต่เรามองเป้าหมายปลายทางคือยุทธศาสตร์เชิงพื้นที่ ส่วนมุมทางการเมืองเป็นเรื่องรองลงมา
อย่างไรก็ตามที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ
อยู่ที่อาคารปานศรี ถนนประชาชื่น

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image