ผู้เขียน | กาแฟป่า |
---|
⦁…ต้องขอต้อนรับ “พรรคพลังประชารัฐ” เข้าสู่ “ยุทธจักรพรรคการเมือง” การตั้งพรรค-เข้าสู่การเลือกตั้ง ให้ประชาชนตัดสิน ถือเป็นการ “แข่งขัน-ต่อสู้” ตามวิถีทางประชาธิปไตย ถ้าจะให้ดี “พลังประชารัฐ” ต้องแสดงความจริงใจ ที่จะต่อสู้ในบรรยากาศที่ “เสมอภาค-เป็นธรรม” ควรสนับสนุนการ “ปลดล็อก” ให้ทุกพรรค ได้พูดจาแถลงข่าวกันอย่างเปิดกว้างไปพร้อมกันด้วย
⦁…แน่นอนว่า การเปิดตัวของ “พลังประชารัฐ” เพิ่มปัจจัยบวกให้การเมือง ทำให้เห็นภาพ “การเลือกตั้ง 24 ก.พ.62” ชัดเจนขึ้น แม้ว่าหลายแวดวงยังไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นก็ตาม ส่วนหัวหน้าพรรค และผู้บริหารพรรค ที่ออกมาโชว์ตัว “โปรไฟล์” ไม่ขี้ริ้วขี้เหร่ แต่การเมือง ใช่ว่าจบแค่ “ความเป็นมา” แต่ยังเป็นเรื่องของ “จุดยืน” ที่ต้องสอดคล้องกับ “โปรไฟล์” ด้วย
⦁…“พลังประชารัฐ” ประชุมจัดตั้งพรรคไปเมื่อเสาร์ที่ 29 ก.ย. ที่เมืองทองธานี และเป็นไปตามข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ อุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม ได้รับเลือกเป็น “หัวหน้าพรรค”, อีกคนก็ตามโผก่อนหน้านี้ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ เป็นเลขาธิการ สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์ฯ เป็น “รองหัวหน้าพรรค” และ กอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกฯ รับหน้าที่โทรโข่ง “โฆษกพรรค”
⦁…ทีมบริหารพรรคชุดนี้ เป็นทีมงานเศรษฐกิจที่มี สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เป็นโต้โผ ภาพของพรรคเลยแยกไม่ออกจาก “อาจารย์สมคิด” สักเท่าไหร่ และยังมีนักการเมืองรุ่นใหม่ๆ เข้ามาสมทบอีกจำนวนหนึ่ง แต่ที่คู่ขนานกันไป คือการออกโรงอย่าง “โฉ่งฉ่าง” ของ “สามมิตรยูไนเต็ด” แยกกันเดิน หาคนเข้าพรรค ก่อนจะเลี้ยวเข้าไปบรรจบกันในที่สุด
⦁…ในวันนั้น “อุตตม” แถลง 7 หลักการอุดมการณ์ของพรรค ได้แก่ 1.ยึดมั่นใน “ประชาธิปไตย” อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 2.เป็นสถาบันการเมืองมุ่งพัฒนา “ประชาธิปไตยวิถีไทย” 3.น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 4.ก้าวข้ามความขัดแย้ง ฟื้นความสมานฉันท์ 5.สร้างสังคมที่เป็นธรรม ยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม 6.ลดความเหลื่อมล้ำ 7.สร้างสังคมที่เกื้อกูล แบ่งปัน
⦁…“7 ข้อ” ที่แถลงออกมาถือว่า “น่าสนใจ” แต่ยังต้องการคำอธิบายในรายละเอียดอีกมาก ตัวอย่างเช่น “ยึดมั่น” ในประชาธิปไตย และพัฒนา “ประชาธิปไตยวิถีไทย” คืออะไรและอย่างไร และที่เป็นคำถามอยู่ในใจประชาชนทั่วไป คือจะ “ก้าวข้ามความขัดแย้ง และฟื้นความสมานฉันท์” กันแบบไหน อย่างไร ทีมยกร่างนโยบายของพรรค ต้อง “รีบ” ออกมาขยายความโดยด่วน
⦁…ต้องรอดูกันว่า “พลังประชารัฐ” จะใช้กระบวนท่าใด นำเอา “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาเป็น “1 ใน 3 ชื่อ” ว่าที่นายกรัฐมนตรี จะเสนอชื่อเดียวเดี่ยวๆ หรือจะมี “ชื่ออื่น” ประกบไปด้วย เผื่อขาดเผื่อเหลือ และงานยากกว่านั้น คือต้องเข้าสู่ “สนามเลือกตั้ง” หาเสียงท่ามกลางฝุ่นตลบอบอวล เป็นบรรยากาศของสงครามวาทกรรม แล้วถ้าหากกติกาให้พูดได้ “เท่าๆ กัน” ผลจะออกมาเป็นยังไง
⦁…มองจากวันนี้ ขั้วสนับสนุน “บิ๊กตู่” กลับมาเป็น “นายกฯภาคสอง” นอกจาก “พลังประชารัฐ” ที่จะมี “สามมิตร” เข้ามาบวกแล้ว ยังมี “รวมพลังประชาชาติ” ที่นำโดย หม่อมเต่า-สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่เหลือ รอดูใจ พรรคใหญ่อย่าง “ปชป.” กับ “พรรคเก่า-ขนาดกลาง-เล็ก” อีกพรรคสองพรรค และยังมีอีก “250 ส.ว.” เป็นทุนสำรองที่ไว้ใจได้ ส่วนอีกขั้ว มี “เพื่อไทย-ประชาชาติ-เพื่อธรรม” ที่ว่ากันว่าจะกวาดเก้าอี้ได้ไม่ต่ำกว่า 200-250 บวก-บวก เรียกว่า “เป็นรองโดยกติกา” แต่ได้เปรียบในแง่ “มวลชน”
กาแฟป่า