เหยี่ยวถลาลม 2 ต.ค. 61 : ถึงเวลาต้องชดใช้

เครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด จีที-200 กับอัลฟ่า-6 ซื้อขายกันในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2548 ถึงปี 2553 มี 19 หน่วยราชการรุมกันซื้อรวมทั้งสิ้น 1,354 เครื่อง เป็นเงิน 1,135 ล้านบาท

เมื่อฉาวว่าเป็น “ค่าโง่พันล้าน” บางคนก็เถียงเอาว่า “ไม่น่าโง่” อาจมีคน “แกล้งโง่”

ที่อังกฤษ มีผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดนำเอาจีที-200 กับอัลฟ่า-6 มาแกะพิสูจน์ แล้วยืนยันว่า คือ กล่องพลาสติกเปล่าๆ กลวงๆ ลวงโลก

ศาลอังกฤษพิพากษา “จำคุก” พร้อมกับ “ยึดทรัพย์” ผู้ผลิตและจำหน่าย

Advertisement

ในประเทศไทยตอนนั้นยังดื้อและด้าน แต่เมื่อทนแรงเสียดทานจากโลกโซเชียลกับ อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ นักวิทยาศาสตร์จากจุฬาฯไม่ไหว จึงมีการตั้งคณะตรวจพิสูจน์

ที่สุดก็ได้ข้อสรุปชัดเจนพอจนทำให้รัฐบาลมีคำสั่งระงับการใช้งาน

จีที-200 กับอัลฟ่า-6 พบจุดจบ!

Advertisement

เมื่อเกิดความเสียหายและน่าอับอายขนาดนั้น หน่วยงานต่างๆ ก็ต้องลุกขึ้นมาร้อง

“ดีเอสไอ” สอบสวนดำเนินคดี ส่งพนักงานอัยการฟ้องศาลรวม 16 คดี

วันนี้ มี 3 คดีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาแล้ว

1 คดีที่หน่วย “ศรภ.” เป็นผู้เสียหาย ศาลยกฟ้อง อยู่ระหว่างอุทธรณ์

2 คดีที่กรมสรรพาวุธ กองทัพบก เป็นผู้เสียหาย วงเงินกว่า 600 ล้านบาท ศาลพิพากษาให้จำคุกผู้บริหารบริษัท เอวีเอ แซท คอม ตัวแทนจำหน่าย ในความผิดฐานฉ้อโกง 10 ปี

3 คดีที่กรมราชองครักษ์ เป็นผู้เสียหาย วงเงิน 9 ล้านบาท ศาลพิพากษาให้จำคุก 9 ปี

เหตุที่ศาลลงโทษก็เพราะเห็นว่า สินค้ามีราคาสูง ผู้ขายจำเป็นต้องศึกษาคุณสมบัติและประสิทธิภาพของสินค้าก่อนส่งมอบเสมอ หรืออาจรู้ก่อนแล้วว่า เครื่องจีที200 ไม่มีประสิทธิภาพ แต่ก็ยังขายให้กับหน่วยงานรัฐ จำเลยไม่ใส่ใจในการซื้อขายสินค้า ศาลเชื่อว่าจำเลยมีเป้าหมายแสวงหาผลประโยชน์ มีความผิดฐานฉ้อโกง

“ผู้ขาย” กำลังถูก “ตัดสินกรรม”

ที่น่าติดตามต่อไปด้วยใจระทึกก็คือ “ผู้ซื้อ”

ตามปกติคนเรา แค่จะซื้อหลอดไฟราคาไม่กี่สิบบาทสักดวง ยังต้องทดสอบว่า ใช้ได้หรือไม่ และถ้าแม้นว่าใช้ได้ แต่เมื่อนำไปใช้แล้วกลับใช้ไม่ได้จริงๆ ยังต้องเอาสินค้าไปคืน ไปเคลม

“กรรม” เป็นสมบัติเฉพาะตน ของใครของมัน ทำแทนกันไม่ได้

ซื้อกันเข้าไปได้อย่างไร พลาสติกกลวงๆ ท่อนหนึ่งราคาเป็นแสนเป็นล้าน !?!!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image