“บิ๊กป้อม” ชี้โฆษณารับ-ไม่รับร่างรธน. ทำไม่ได้ แจงมีกฎหมายประชามติ เผยฝ่ายก.ม.เล็งสอบ “นปช.-กปปส.” แถลงจุดยืน รธน. โต้ฝ่ายรัฐไม่ได้ชี้แจงฝ่ายเดียว
เมื่อวันที่ 25 เมษายน ที่ ท่าอากาศทหาร 2 กองบิน 6 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการแสดงความคิดเห็นคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญของ 2 พรรคใหญ่ ว่า ตอนนี้มีพ.ร.บ.ว่าด้วยออกเสียงประชามติ พ.ศ.2559 บังคับใช้แล้ว ดังนั้นจึงไม่ให้มีการโฆษณา ไม่ให้ยกป้ายเห็นด้วย ไม่เห็นด้วยใดๆ ทั้งสิ้น หากยังทำอยู่ก็ไม่มีวันจบสิ้น ทั้งนี้ตนเคยชี้แจงแล้วว่าให้ประชาชนเป็นคนตัดสินใจเอง นอกจากนี้ทางคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เป็นผู้ชี้แจงว่าเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญมีเจตนาอย่างไร ขณะที่การแถลงข่าวกลุ่มกปปส.และนปช.ต่อร่างรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมานั้น ตนคิดว่าก็ต้องว่าไปตามกฎหมายประชามติ ซึ่งฝ่ายกฎหมายกำลังพิจารณาการเคลื่อนไหวอยู่ ทั้งนี้ตนอยากให้หยุดกันสักที ถ้าจะชอบก็ชอบไป ถ้าไม่ชอบก็ไปคุยกันในบ้าน อย่าออกมาแสดงความคิดเห็นข้างนอก อีกทั้งผู้สื่อข่าวควรหยุดถามประเด็นนี้ด้วย และปล่อยให้ประชาชนคิดเองได้อย่างเสรี
พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า สำหรับการเคลื่อนไหวของนักการเมืองในนามพลเมือง 100 ชื่อที่ให้คสช.เปิดพื้นที่แสดงความคิดเห็นนั้น คิดว่าเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ เพราะผิดกฎหมาย และมาตรการดังกล่าวคงไม่ทำให้บรรยากาศประชามติอึมครึม ทั้งยังคิดว่าการทำประชามติครั้งนี้ดีกว่าการทำประชามติปี 2550 ที่ให้มีการดีเบตกันทั้ง 2 ฝ่าย เพราะว่าเห็นอยู่แล้วว่าบ้านเมืองตอนนั้นเป็นอย่างไร ประชาชนแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ถ้าใครอยากจะพูดก็ให้ไปพูดในกลุ่มตนเอง ไม่ให้มีการโฆษณาลงสื่อ แต่เราไม่ได้ห้ามพูดเพราะไม่ได้เอาปลาสเตอร์ไปปิดปากใคร
การที่กปปส.ออกมาแถลงเป็นการสนับสนุนคสช. หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่เกี่ยว ซึ่งทางกปปส.รู้ได้อย่างไรว่าคสช.คิดอะไร อย่างไรก็ตามคสช.ไม่ใช่ผู้ร่างรัฐธรรมนูญ คนร่างรัฐธรรมนูญคือกรธ. ขนาดคสช.ขอไป 5 ข้อยังไม่ได้เลย
เมื่อถามว่าหากเป็นเช่นนี้จะไปพูดใต้ดินได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก็พูดไปไม่ได้ห้าม
เมื่อถามต่อว่า การที่นปช.เรียกร้องให้องค์กรนานาชาติเข้ามาสังเกตการณ์ช่วงลงประชามติ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นเรื่องของกกต. คงไม่มีประเทศใดไปเรียกร้องกัน ถ้าเป็นการเลือกตั้ง ส.ส. ก็เรียกร้องได้ แต่การทำประชามติคงไม่เกี่ยว
“ถ้าอยากเรียกร้องควรมาตอนมีการเลือกตั้งดีกว่า ไปดูว่ามีการซื้อเสียงหรือไม่ ควรมาดูอย่างนี้ดีกว่า ซึ่งผมคิดว่าการทำประชามติคงไม่ต้อง ไม่เกี่ยวกัน และขอยืนยันว่าประชามติเกิดขึ้นแน่ เพราะกฎหมายออกมาแล้ว นอกจากมีเหตุการณ์ตีกัน ประชามติก็อาจจะไม่มี ถ้ามีคนตีกันประเทศจะไปต่อกันอย่างไร ก็เป็นแบบนั้นทุกวัน” พล.อ.ประวิตร กล่าว
พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า การทำประชามติครั้งนี้ไม่ได้เป็นการประลองกัน 2 ขั้ว ปล่อยให้ประชาชนเขาคิดไป ซึ่งคิดว่าพวกพรรคการเมืองไม่แน่จะคุมฐานเสียงได้หมดว่าจะให้ออกเสียงตามความต้องการ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าคงไม่มีใครออกมาแสดงพลังอะไรได้หรอก เพราะเหลือเวลาเพียงไม่กี่เดือนที่จะลงประชามติ
เมื่อถามว่า มาตรา 61 ของกฎหมายฉบับนี้เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นหรือไม่ รองนายกฯประวิตร กล่าวว่า “เห็นแล้วว่าเป็นข้อห้ามที่ป้องกันการเกิดประเด็น ดังนั้นจึงออกกฎหมายขึ้นมา และที่ทำทั้งหมดก็ไม่อยากให้เกิดความขัดแย้ง ถ้าไม่มีความขัดแย้งกฎหมายนี้คงไม่บังคับใช้ และขอยืนยันว่ากฎหมายฉบับนี้จะไม่สร้างความขัดแย้ง เพราะเป็นข้อห้ามทั้งหมด อยากถามว่าแล้วจะไปขัดแย้งได้อย่างไร ถ้าห้ามคนนู้น แต่ไม่ห้ามคนนี้ แบบนี้แหละความขัดแย้ง”
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า การที่กกต. และกรธ.ออกไปชี้แจงประชาชนจะเป็นการชี้นำหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าว เป็นการชี้แจงว่าเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญเป็นอย่าง ซึ่งไม่ใช่การชี้นำ
เมื่อถามต่อว่า ฝ่ายรัฐสามารถชี้แจงได้อย่างเดียว รองนายกฯประวิตร กล่าวว่า “ผมไม่มีฝ่าย เพราะเป็นองค์กรของรัฐบาล ผมอยู่ฝ่ายประชาชน เพราะไม่ได้เล่นการเมือง”