เจาะดวงเมืองอย่างต่อเนื่องสู่ปีที่ 38 แล้ว สำหรับ ‘ศาสตร์แห่งโหร’ โดยสำนักพิมพ์มติชน ซึ่งล่าสุดออกจากแท่นพิมพ์สดๆร้อนๆ พร้อมคำทำนายจาก 9 โหราจารย์ชื่อดังทั่วฟ้าเมืองไทย ส่องกล้องมองการเมืองยุคเปลี่ยนผ่านว่าประเทศชาติในพุทธศักราช 2562 จะรุ่งหรือจะร่วง ? อีกทั้งประเด็นเศรษฐกิจ ว่าจะกลายเป็นพิษหรือโชติช่วงชัชวาลย์ ปีหน้าฟ้าใหม่ สังคมไทยจะสดใสหรือระส่ำ ? ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีแผนที่ชีวิตจากหมอดูและซินแสดังให้ส่องกราฟกันล่วงหน้าเพื่อวางแผนเส้นทางเดินอย่างมั่นคงไม่มีสะดุดให้โงนเงน
หนึ่งในโหรชื่อดังที่มาร่วมตรวจดวงเมือง ก็คือ พัฒนา พัฒนศิริ ผู้เชี่ยวชาญการวางฤกษ์ โดยพยากรณ์ปี ‘หมูป่า’ 2562 ว่าเงินการคลังของประเทศไทยจะเป็นแบบ ‘ได้มาแล้วใช้ไป’ เพื่อการบำรุงชาติ สามารถเก็บส่วยสาอากรได้ ส่วนดวงบ้านดวงเมือง จะเกิดความอลเวงในฝ่ายนิติบัญญัติ มีโอกาสเห็นการ ‘ยุบสภา’ ฟอร์มรัฐบาลกันใหม่ โดยระหว่าง 25 พ.ค.- 29 ต.ค. ปีหน้า อาจเกิดความเคลื่อนไหวในทางลบ
“ในปี 2562 ดาวราหูบาปเคราะห์ร้ายหมายเลข 8 ได้ยกย้ายจากราศีกรกฎไปสถิต ณ ราศีมิถุน เรือนสหัชชะของดวงเมืองตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2526 เวลา 2 นาฬิกา 50 นาที การโคจรของบาปเคราะห์ ดาวราหู ในรอบนี้ พิจารณาโดยละเอียดแล้วน่าจะส่งผลออกมาในทางลบมากกว่าทางบวกด้วยเพราะดาวราหูอยู่ในลักษณะเล็งเบียนดาวพฤหัสบดีในพื้นดวงเมืองซึ่งนอกจากจะทำให้ผลประโยชน์ของคนในประเทศเกิดความระส่ำระสายแล้ว ยังจะทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติคือรัฐสภามีความวุ่นวายอลวนอลเวงเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2562 เวลา 04.07 น. เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 25 พฤษภาคม 2562 เวลา 17.10 น. ดาวพฤหัสบดีจะพักรถถอยหลังเข้าราศีอีกรอบหนึ่ง อยู่ที่ราศีนี้ไปถึงวันที่ 30 ตุลาคม เวลา 20.42 น. เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานพอที่จะทำให้เกิดความเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงในทางลบสำหรับบ้านเมืองของเรามาได้
อธิบายอย่างง่ายๆ ก็คือ ดาวพฤหัสบดีเปรียบเสมือนฝ่ายกฎหมาย คือรัฐสภา ดาวเสาร์เปรียบเสมือนฝ่ายรัฐบาลที่ทำการบริหารประเทศ
เมื่อโคจรถอยหลังเข้าราศีพิจิก ก็เป็นการปล่อยให้พฤหัสบดี และเสาร์ในพื้นดวงเมืองถูกดาวเสาร์ซึ่งยกย้ายมาตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2561 และดาวราหูที่ย้ายมาเล็งราศีธนูตั้งแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562 กลุ่มรุม มีการทำร้ายดาวพฤหัสบดีอย่างรุนแรง จึงมีโอกาสที่เราท่านจะเห็นการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ในช่วงระยะดังกล่าวนี้
หรือออีกประการหนึ่ง จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีอยู่บ่อยๆจนในที่สุดก็ต้องอาศัยการยุบสภาเพื่อจัดให้มีการฟอร์มรัฐบาลกันใหม่นั่นเอง …”
